นิกโก้
นิกโก้ (Nikko) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียวประมาณ 140 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองเล็กๆ ที่ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยเป็นเมืองนี้เป็นพื้นที่ของตระกูลโทกุกาว่า ตระกูลของโชกุนอิเอยะสุ ผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเอโดะให้กลายเป็นเมืองหลวงมาจนถึงปัจจุบัน วัดวาอารามศาลเจ้าหลายแห่งงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์จนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกหลายแห่ง ดังนั้นเมืองนิคโก้เลยกลายเป็นเมืองมรดกโลกไปเลย โดยเรียกว่า แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) เพราะสถานที่วัดศาลเจ้าจะอยู่ในระแวกเดียวกัน จนไม่ต้องเดินทางไปมาหลายที่ แค่ไป แหล่งมรดกโลกเท่านั้น ราคาค่าเข้าชมก็ขึ้นอยู่ว่าต้องการแบบไหนแล้วแต่สะดวกไม่ว่าจะ แบบเหมา หรือแบบแยก
แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) บริเวณศาลเจ้าโทโชกุ หรือ National Park Nikko เมื่อไปถึงจะเจอซุ้มขายตั๋วเข้าชมมรดกโลกอยู่ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการว่าจะซื้อแบบเหมาหรือจะซื้อแบบแยกชมเฉพาะที่ก็ได้ แต่แบบเหมาจ่ายก็จะยกเว้นบริเวณ ภาพแกะสลักแมวหลับกับสุสานอิเอะยาสุเท่านั้นที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหนิดหน่อย เมื่อตัดสินใจได้ก็สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญได้เลย
สวน Shoyo-en (The Old Japanese Garden) ตั้งเยื้องซุ้มขายตั๋วตรงข้ามศาลาหลังใหญ่ของวัดรินโนจิ เป็นที่จัดและตกแต่งในแบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ด้านในร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่หลากหลายชนิด หากมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะได้เห็นใบไม้ที่เปลี่ยนสีไปทั่วทั้งสวน ดูสวยงามไปอีกแบบ ก่อนจะเข้าไปชมความสวยงามของวัดทีได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก
1. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วัดพุทธศาสนาในนิกายเทนได ศาลาหลังใหญ่ ศาลา Sanbutsu-do สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2191 โดย Jikaku-daishi ตามพระบัญชาของจักรพรรดินินเมอิ ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทอง สูงองค์ละ 8 เมตร คือ เจ้าแม่กวนอิมพันกร พระอมิตพุทธ และพุทธรูปม้าอยู่กลางพระนลาต ซึ่งเป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวเมืองนิคโก้
แผนที่ นิกโก้
แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site)
แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) บริเวณศาลเจ้าโทโชกุ หรือ National Park Nikko เมื่อไปถึงจะเจอซุ้มขายตั๋วเข้าชมมรดกโลกอยู่ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการว่าจะซื้อแบบเหมาหรือจะซื้อแบบแยกชมเฉพาะที่ก็ได้ แต่แบบเหมาจ่ายก็จะยกเว้นบริเวณ ภาพแกะสลักแมวหลับกับสุสานอิเอะยาสุเท่านั้นที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหนิดหน่อย เมื่อตัดสินใจได้ก็สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญได้เลย
สวน Shoyo-en (The Old Japanese Garden)
สวน Shoyo-en (The Old Japanese Garden) ตั้งเยื้องซุ้มขายตั๋วตรงข้ามศาลาหลังใหญ่ของวัดรินโนจิ เป็นที่จัดและตกแต่งในแบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ด้านในร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่หลากหลายชนิด หากมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะได้เห็นใบไม้ที่เปลี่ยนสีไปทั่วทั้งสวน ดูสวยงามไปอีกแบบ ก่อนจะเข้าไปชมความสวยงามของวัดทีได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก
ศาลาหลังใหญ่ Sanbutsu-do
1. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วัดพุทธศาสนาในนิกายเทนได ศาลาหลังใหญ่ ศาลา Sanbutsu-do สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2191 โดย Jikaku-daishi ตามพระบัญชาของจักรพรรดินินเมอิ ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทอง สูงองค์ละ 8 เมตร คือ เจ้าแม่กวนอิมพันกร พระอมิตพุทธ และพุทธรูปม้าอยู่กลางพระนลาต ซึ่งเป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวเมืองนิคโก้
ศาลา Dai Gome-do (Holy Fire Temple)
นอกจากนี้ด้านหลังศาลาใหญ่ก็มี ศาลา Dai Gome-do (Holy Fire Temple) ใช้เป็นหอสวดมนต์สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ด้านในพระพุทธรูปและรูปหล่อเทพเจ้าประดิษฐานอยู่ 30 องค์
เจดีย์ 5 ชั้น
2. ศาลจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) อยู่ถัดมาจากวัดรินโนจิ เมื่อเดินมาทางด้านซ้ายของประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ จะพบเจดีย์ 5 ชั้น สูง 34 เมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางเหล่าต้นสน ตัวเจดีย์มีลวดลายแกะสลักสัตว์ใน 12 ราศี ซึ่งประดับเอาไว้ด้านละ 3 ภาพ ตามตวามเชื่อในปฏิทินจีน
ศาลาไม้ที่มีรูปแกะสลักลิง 3 ตัว
ถัดจากเจดีย์ 5 ชั้นเดินเข้าประตูไปจะพบเสาโคมหิน เหล็กและสำริดตั้งเรียงรายที่ถูกสร้างเอาไว้เพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของท่านโชกุน ที่ศาลาไม้เก่าๆ นั้นมีรูปแกะสลักลิง 3 ตัว (Three Monkeys) ในอิริยาบท ปิดหู ปิดปาก ปิดตา ซึ่งสื่อถึง “หากไม่สดับสิ่งชั่ว ไม่กล่าววาจาชั่ว และไม่ยลในสิ่งชั่ว อันตรายก็จะไม่มาหาเรา” นอกจากนี้ยังมีลิงในอิริยาบทต่างๆ อีกหลายตัวให้ได้ดูกัน
ถัดมาเป็นประตูเล็กเรียกว่าประตูคารามง (Karamon Gate, Chinese Gate) เป็นประตูก่อนถึงศาลเจ้าโทโชกุุ มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ประตูจีน" ด้วยลวดลายที่แกะสลักและภาพวาดแบบจีนบนซุ้มประตูที่สวยงามนั้นเอง แต่ประตูมีขนาดเล็กพอสมควรนักท่องเที่ยวจะต้องอ้อมไปทางด้านขวาของประตูแทน
ทางด้านขาวมือจากประตูใหญ่เป็นภาพแกะสลักแมวหลับ (Sleeping Cat) ซึ่งก็มีชื่อเสียงไม่แพ้ภาพลิง 3 ตัว จะอยู่บนซุ้มประตูทางขึ้นไปสุสานท่านอิเอะยาสุ ซึ่งเป็นตัวแทนของความร่มเย็นเป็นสุข เดินขึ้นมาตามทางเดินซึ่งเป็นบันไดประมาณ 200 ขั้น ที่อยู่ด้านหลังภาพแกะสลักแมวจะเป็นสุสานของทานโชกุนอิเอะยาสุ (Ieyasu's graveyard) ผู้ก่อตั้งเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงใหม่ (โตเกียว) ด้วยความเชื่อที่ว่าสิ่งชั่วร้ายจะมาทางทิศเหนือ ท่านจึงสร้างศาลเจ้าไว้ที่นิคโก้ด้วยเป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือ เพื่อให้ศาลเจ้าช่วยปกป้องเมืองเอโดะจากสิ่งชั่วร้าย
เมื่อออกกลับออกมาผ่านทางซุ้มประตูใหญ่โมเมมง ด้านขวาจะมีศาลาคุชิโด หรือเรียกว่าวัดฮอนจิ (Honji-do Temple) วัดพุทธที่ตั้งอยู่ในเขาศาลเจ้าในศาสนาชินโต เมื่อเข้าไปด้านในที่ด้านบนเพดานมีภาพวาดขนาดใหญ่เป็นรูป มังกรกำสรวด (Roaring Dragon) ที่ว่าร่ำไห้นั้นเป็นเพราะเมื่อเข้าไปยืนใต้มังกรปรบมือและสวดมนต์พร้อมกัน จะเกิดเป็นเสียงโหยหวนของมังกร ซึ่งสะท้อนภายในห้องโถงนั่งเอง
3. ศาลเจ้าฟูตาราซัน (Futarasan Shrine) เลี้ยวขวาเมื่อออกมาจากศาลเจ้าโทโชกุแล้ว เดินตามทางเรื่อยก็จะถึงประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาราซัน สร้างโดยโชกุนฮิเดะทาดะ เมื่อปี พ.ศ.2162 คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้านี้เป็นที่สถิตของเทพโอคุนินุชิ โนะ มิกิโตะ เทพทาโงริฮิเมะ โนะ มิกิโตะ และเทพอาจิสุคิตากะฮิโกเนะ โนะ มิกิโตะ เป็นเทพในครอบครัวเดียวกันซึ่งจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง
โคมปีศาจ (Phantom Lantern)
ที่หน้าอาคารศาลเจ้ามีโคมปีศาจ (Phantom Lantern) ที่ล้อมกรอบเอาไว้ด้วยรั้วสีแดง เพราะเชื่อว่าครั้งหนึ่งโคมได้กลายร่างเป็นปีศาจไล่อาละวาดชาวบ้านจนถูกซามูไรฟัน หากสังเกตดีๆ จะเห็นรอยดาบที่ตัวโคม
4. วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน (Iemitsu Taiyuin Temple) มีทางจากวัดฟูตาราซันเชื่อมถึงได้ เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่จะเห็นคือ วัดแฝด (Two Temple) โดยศาลาแรกเรียกว่า Jyogyo-do ตกแต่งเป็นศิลปะแบบญี่ปุ่น ส่วนอีกศาลาเรียกว่า Hokke-do ตกแต่งในแบบศิลปะจีน ถัดมาจะเป็นประตูนิโอมง (Nio-mon Gate) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าสุสานของวัดรินโนจิแห่งเมืองนิกโก้ (Nikko Mausoleum Rinnoji Taiyuin) ถัดมาด้านขวามือเป็นบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Fountain) ที่ใช้ชะรำร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าวัด
ถัดมาด้านขวามือเป็นบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Fountain) ที่ใช้ชะรำร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าวัดด้านซ้ายจะเป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate) หรือ คามินามริม่อน (Kaminarimom Gate) ประตูสายฟ้าเหมือนที่วัดอะซากุสะในโตเกียว สองข้างประตูมีรูปปั้นเทพเจ้าสายฟ้าและเทพแห่งสายลมตั้งอยู่เหมือนกัน
เมื่อขึ้นบันไดไปจะพบ ประตูยาชาม่อน (Yashamon Gate) ซึ่งทั้งสี่ทิศจะมีปีศาจเฝ้าประตูอยู่ 4 ตนและมีสีที่ไม่เหมือนกัน ลวดลายที่แกะสลักนั้นเป็นลายดอกโบตั๋น จึงเรียกประตูนี้ว่า ประตูดอกโบตั๋น (Peony Gate) อีกชื่อ
ก่อนถึงศาลาหลังใหญ่ยังมีอีกประตูเล็กเรียกว่า ประตูคาราม่อน (Karamon Gate) ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้กันเลย
ผ่านไปจะเป็นศาลา Sanctuary ตกแต่งด้วยสีดำ แดง น้ำเงิน และทองล้อมด้วยรั้วไม้สีน้ำเงินดำ ดูเคร่งครึม จนถึงอาคารหลักของสุสานนี้ ที่ตกแต่งด้วยสีทองเหลืองอร่าม สวยงาม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระอนุสาวรีย์ของโชกุนอิเอะมิตสุ โชกุนรุ่นที่ 3 หลานชายของท่านอิเอะยาสุนั้นเอง
ก่อนออกมายังมีประตูอีกหนึ่งประตูซึ่งอยู่ทางด้านข้าง คือ ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate) เป็นศิลปะแบบจีนสมัยราชวงศ์หมิง ที่มีเสาโคมทำด้วยสำริดสีเขียวสลับทองตั้งประดับอยู่ทั้งสองข้าง
จากจุดชมมรดกโลกเดินลงเขามาประมาณ 10 นาที จะถึงสะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge) หรือสะพานอสรพิษคู่ สะพานโค้งสีแดงข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ตรงปากทางเข้าสู่แหล่งมรดกโลก ยาว 28 เมตร กว้าง 7 เมตร สูงจากระดับน้ำราว 10 เมตร สร้างจากไม้มีเสาหินรองรับน้ำหนัก ทาด้วยสีแดง เป็นสะพานที่ถือว่าสวยงามอีกแห่งของญี่ปุ่น หากอยากชมความงามใกล้ๆ ก็สามารถจ่ายค่าเข้าชม จากตรงนั้นก็สามารถขึ้นรถเมล์ไปทีอื่นต่อได้ หรือจะเดินไปที่สถานีรถไฟเจอาร์นิคโก้ ก็ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
10 ที่พักแนะนำในนิกโก้ ญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพประกอบจาก
japan-guide.com ,bloggang.com ,NSA ,absolutjapon.com ,en.wikipedia.org
A couple of S ,muza-chan.net ,gssq.blogspot.com ,emagtravel.com
ประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate)
ถัดมาด้านขวามือเป็นบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Fountain) ที่ใช้ชะรำร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าวัดด้านซ้ายจะเป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate) หรือ คามินามริม่อน (Kaminarimom Gate) ประตูสายฟ้าเหมือนที่วัดอะซากุสะในโตเกียว สองข้างประตูมีรูปปั้นเทพเจ้าสายฟ้าและเทพแห่งสายลมตั้งอยู่เหมือนกัน
ประตูยาชาม่อน (Yashamon Gate)
เมื่อขึ้นบันไดไปจะพบ ประตูยาชาม่อน (Yashamon Gate) ซึ่งทั้งสี่ทิศจะมีปีศาจเฝ้าประตูอยู่ 4 ตนและมีสีที่ไม่เหมือนกัน ลวดลายที่แกะสลักนั้นเป็นลายดอกโบตั๋น จึงเรียกประตูนี้ว่า ประตูดอกโบตั๋น (Peony Gate) อีกชื่อ
ประตูคาราม่อน (Karamon Gate)
ก่อนถึงศาลาหลังใหญ่ยังมีอีกประตูเล็กเรียกว่า ประตูคาราม่อน (Karamon Gate) ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้กันเลย
สุสานโชกุนอิเอะมิตสุ
ผ่านไปจะเป็นศาลา Sanctuary ตกแต่งด้วยสีดำ แดง น้ำเงิน และทองล้อมด้วยรั้วไม้สีน้ำเงินดำ ดูเคร่งครึม จนถึงอาคารหลักของสุสานนี้ ที่ตกแต่งด้วยสีทองเหลืองอร่าม สวยงาม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระอนุสาวรีย์ของโชกุนอิเอะมิตสุ โชกุนรุ่นที่ 3 หลานชายของท่านอิเอะยาสุนั้นเอง
ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate)
ก่อนออกมายังมีประตูอีกหนึ่งประตูซึ่งอยู่ทางด้านข้าง คือ ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate) เป็นศิลปะแบบจีนสมัยราชวงศ์หมิง ที่มีเสาโคมทำด้วยสำริดสีเขียวสลับทองตั้งประดับอยู่ทั้งสองข้าง
สะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge)
สะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge)
จากจุดชมมรดกโลกเดินลงเขามาประมาณ 10 นาที จะถึงสะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge) หรือสะพานอสรพิษคู่ สะพานโค้งสีแดงข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ตรงปากทางเข้าสู่แหล่งมรดกโลก ยาว 28 เมตร กว้าง 7 เมตร สูงจากระดับน้ำราว 10 เมตร สร้างจากไม้มีเสาหินรองรับน้ำหนัก ทาด้วยสีแดง เป็นสะพานที่ถือว่าสวยงามอีกแห่งของญี่ปุ่น หากอยากชมความงามใกล้ๆ ก็สามารถจ่ายค่าเข้าชม จากตรงนั้นก็สามารถขึ้นรถเมล์ไปทีอื่นต่อได้ หรือจะเดินไปที่สถานีรถไฟเจอาร์นิคโก้ ก็ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
10 ที่พักแนะนำในนิกโก้ ญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพประกอบจาก
japan-guide.com ,bloggang.com ,NSA ,absolutjapon.com ,en.wikipedia.org
A couple of S ,muza-chan.net ,gssq.blogspot.com ,emagtravel.com