สถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโต

เกียวโต เมืองน่าเที่ยวอีกเมือง เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองในเขตคันโตด้วยกันแล้ว เกียวโตมีความน่าสนใจที่อดีตเคยเป็นเมืองหลวงที่มีอายุยาวนานมานับพันปี จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมและโบราณสถานมากมายให้ได้ชมความสวยงามของศิลปะและวัฒนธรรมสมัยก่อน มาลองอ่านกันว่าจะมีที่ไหนสวยงามและน่าสนใจขนาดไหนไม่แน่เที่ยวครั้งต่อไปอาจจะเป็นที่เกียวโตก็ได้นะ





เกียวโต (เคียวโตะ)

เกียวโต (Kyoto) เป็นจังหวัดหนึ่งในเขตคันไซ อตีดเคยเป็นเมืองหลวงเก่าอีกแห่งของประเทศญี่ปุ่นมีอายุมานานนับพันปี ในช่วง ปี พ.ศ.1337-2412 เดิมชื่อว่า เฮอันเกียว จนถึงสมัยปฏิรูปเมจิในปี พ.ศ. 2411 จึงย้ายเมืองหลวงไปยังเอโดะ หรือโตเกียวในปัจจุบัน ด้วยความที่เกียวโตนั้นเป็นเมืองหลวงมายาวนาน ที่เมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม และโบราณสถานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัด ศาลเจ้า พระราชวัง ปราสาท ทุกสถานที่ยังคงอยู่ในสภาพดี เนื่องด้วยเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองเกียวโตได้ถูกยกเว้นจากการทิ้งระเบิด ทำโบราณสถาน วัดวาอารามมากมายยังคงสมบูรณ์ให้ผู้คนได้ดูมาจนถึงปัจจุบัน



แผนที่เกียวโต





วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple)


พลับพลาเงินที่ยังไม่ได้หุ้มเงิน

วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) จะต้องนั่งรถมาลงที่ป้าย Ginkakuji-michi แล้วเดินต่อไปอีกไม่นาน หากมาในช่วงซากุระบาน สองข้างทางจะเต็มไปด้วยซากุระทำให้บรรยากาศสวยงามมากยิ่งขึ้น วัดกินคะคุจิ หรือวัดพลับพลาเงิน (Silver Pavilion) เมื่อปี พ.ศ. 2025 เดิมทีท่านโชกุนโยชิมาสะ อาชิคางะ ตั้งใจจะหุ้มด้วยเงิน เพื่อให้คู่กับวัดคิมคะคุจิ หรือวัดพลับพลาทอง

วิวของวัดกินคะคุจิและเมืองเกียวโต

แต่ท่านได้เสียชีวิตลงเสียก่อนที่จะทันหุ้มด้วยเงิน จึงทำให้เห็นตัวพลับพลายังคงเป็นสีน้ำตาลสีของไม้มาจนถึงปัจจุบัน ที่ด้านบนของหลังคามีรูปนกฟินิกซ์ทำจากสำริด บรรยากาศรอบวัดพลับพลาเงินแห่งนี้ดูสวยงามและเงียบสงบ ด้วยรอบบริเวณวัดมีต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกไว้ดูสบายตา เมื่อเดินขึ้นเขาไปก็จะสามารถมองเห็นเมืองเกียวโตได้





วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)


ประตูซันมง (Sanmon Gate)

วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) มีบัสรถสาย 5 สายเดียวที่วิ่งเข้าไปใกล้วัดที่สุดโดยลงที่ป้าย Nanzenji Eikando-michi แล้วเดินต่อไปอีกพอประมาณก็จะถึงทางเข้าวัด ที่หน้าวัดจะพบประตูทางเข้าหลังใหญ่เรีกยว่า ประตูซันมง (Sanmon Gate) สร้างจากไม้ต้นใหญ่ๆ

สะพานอิบที่ใช้วางท่อน้ำจากทะเลสาบบิวา

นอกจากนั้นภายในวัดยังมีสะพานที่ก่อจากอิฐสีขนาดใหญ่ เป็นสะพานที่ใช้วางท่อน้ำจากทะเลสาบบิวา (Lake Biwa) เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคในอดีต วัดนันเซ็นจิเคยเป็นวังที่ประทับของจักรดิพรรดิคะเมะยามะหลังสละราชสมบัติในปี พ.ศ.1817 ด้วยความเลื่อมใสในการนั่งกรรมฐานจึงได้ยกวังให้สร้างเป็นวัดในปี พ.ศ.1834 บริเวณศาลา Seiryo-den เป็นอาคารหลักของวัดนี้





ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine)


เสาโทริอิก่อนถึงทางเข้าวัด

ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine) จะพบเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ก่อนถึงทางเข้าวัดประมาณ 200 เมตร แต่ระหว่างสองข้างทางนั้มีพิพิธภัณฑ์อยู่สองแห่งให้ได้เลือกแวะชมก่อนเข้าวัด ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่เกียวโต (National Museum of Modern Art of Kyoto) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเกียวโต (Kyoto Municipital Museum of Art) 

ศาลเจ้าและเจดีย์มังกรฟ้า-เจดีย์พยัคฆ์ขาว

เมื่อเข้าไปภายในวัดจะพบลานหินกรวดตรงด้านหน้าอาคารของศาลเจ้า แต่สิ่งที่เด่นสะดุดตาเห็นจะเป็น เจดีย์มังกรฟ้าและเจดีย์พยัคฆ์ขาวที่อยู่งทางด้านซ้านและขวาของอาคารศาลเจ้า ศาลเจ้าเฮอันถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่กรุงเกียวโตมีอายุครบ 1,100 ปี โดยอุทิศถวายแด่จักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของเมือง





ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)


เสาโทริอิศาลเจ้ายาซากะ

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ให้นั่งรถมาลงที่ป้าย Gion ก็สามารถเดินเข้าบริเวณของศาลเจ้าได้เลย และทำให้คนญี่ปุ่นเรีกยศาลเจ้าแห่งนี้ว่า กิออนซัง (Gion Yasaka Shrine) เสาโทริอิของศาลเจ้าแห่งนี้ทำจากหินแกรนิต ความโดดเด่นของศาลเจ้ายาซากะคือโคมไฟสีขาวที่ถูกห้อยอยู่เต็มศาลาของศาลเจ้า ศาลาข้างๆ กันเป็นศาลาที่คนทั่วไปจะเข้าไปขอพร และบริจาคเงินพร้อมกับเขย่าเชือกเส้นใหญ่ที่แควนเอาไว้เพื่อให้ระฆังด้านบนดังขึ้น เพื่อบอกเทพเจ้าให้รับรู้ เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่ชาวเกียวโตเลื่อมใส

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)

ข้างๆ ศาลเจ้าเป็นสวนมารุยามะ (Maruyama Park) สวนนี้มักใช้จัดงานเทศกาลอยู่เป็นประจำ ที่นี่ยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่คนมักจะมาชมซากุระกัน ด้วยต้นซากุระที่มีอยู่มาก เมื่อเดินทะลุสวนออกไปจะพบวัดอีกสองวัด คือ วัดโชรินเอ็น (Shorin-in) และ วัดจิออนอิน (Chion-in) หากดูจากประตูทางเข้าก็จะรู้ได้ว่าเป็นวัดใหญ่อีกแห่ง





วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera Temple)


เจดีย์ซันจุโนโตะ

วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera Temple) ต้องนั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Kiyomizu-michi จากตรงนี้จะมองเห็นเจดีย์ 5 ชั้นได้ จากนั้นก็เดินตรงไปได้เลย บรรยากาศสองข้างทางเดินก็ดูไม่น่าเบื่อ ที่ร้านขายของฝากของที่ระลึก และร้านอาหารตั้งเรียงรายให้ได้แวะชมกันจนเพลิน เมื่อเดินถึงทางเข้าจะเห็นเจดีย์ 3 ชั้นที่มีชื่อว่า เจดีย์ซันจุโนโตะ เข้าไปจะพบศาลาประดิษฐานพระโพธิสัตว์ วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะกลายเป็นเมืองหลวง ราวปี พ.ศ.1321

ศาลาหลังใหญ่

สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี่นั้นก็คือระเบียงของศาลาหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา ใช้ต้นไม้ขนาดใหญ่ในการทำเสาหลายต้น เมื่อมองออกไปจากระเบียงจะเห็นตัวเมืองได้อย่างชัดเจน ที่ด้านล่างจะมีจุดดื่มน้ำสามสายที่ชาวเกียวโตเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา สมหวังในความรัก และมีสุขภาพแข็งแรง ที่ศาลาหลังใหญ่เองก็มีศาลเจ้าอยู่ด้วยเป็นศาลเจ้าแห่งความรัก ชื่อศาลเจ้าจิชู สามารถแวะไปขอพรก่อนลงไปข้างล่างได้





กิออน (Gion)


กิออน (Gion)

กิออน (Gion) ย่านบันเทิงเริงรมย์กลางเมืองเกียวโต บรรดาอาคารต่างๆ ในย่านกิออนเป็อาคารแบบโบราณใช้เป็นร้านอาหาร ร้านน้ำชา ภัตตาคาร ที่จะมี เกอิชา (Geisha) คอยต้อนรับและบริการแขก บางครั้งก็จะมีสาวๆ ไมโกะมาคอยเป็นผู้ช่วย เกอิชาจะมีหน้าที่ในการร้องรำ ระบำ เล่นดนตรี เล่นเกม จนเป็นคู่สนทนากับแขกที่มารับประทานอาหาร ทำให้เกอิชาต้องมีความสามารถรอบด้าน เกอิชาจะไม่มาปรากฎตัวให้เห็นง่ายๆ แต่ถ้าเป็นไมโกะจะพบเห็นได้ง่ายกว่า โดนต้องไปที่ด้านหลัง Gion Cornner จะเห็นไมโกะทยอยออกมาที่ละคู่เพื่อไปทำงานนอกสถานที่ ตรงข้ามกับ Gion Cornner มีโรงละคร Gion Koubu Kaburenjo ซึ่งคนจะชอบมาดูการแสดงระบำซากุระ (Miyako Odori) มาก





วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)


วัดพลับพลาทอง (Golden Pavilion)

วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือวัดพลับพลาทอง (Golden Pavilion) ซึ่งจะต้องนั่งรถมาลงที่ป้าย Kinkakuji-michi เดินต่ออีกไม่ไกลก็ถึงทางเข้าวัด วัดพลาพลับทองถือว่าเป็นอีกวัดหนึ่งที่ดังมากในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1940  เดิมวัดแห่งนี้เป็นพลับพลาของท่านโชกุนอาชิกางะ โยชิมิสึ ซึ่งจะรู้จักกันในการ์ตูนเรื่อง อิกคิวซัง ก่อนที่จะยกให้วัดโรกุนอนจิ (Rokuonji) เป็นอีกชื่อของวัดแห่งนี้ โดย พ.ศ.2493 ได้ถูกลอบวางเพลิง และสร้างพลับพลาขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2498 ทองที่เห็นในปัจจุบันนั้นหุ้มเมื่อ พ.ศ.2530 บริเวณรอบศาลาจะเป็นบึงน้ำ เรียกว่า สระเรียวโกะ แปลว่าสระสะท้อน ซึ่งจะมองเห็นเงาสะท้อนของศาลาในน้ำทำศาลาดูสวยขึ้นไปอีก





วัดเรียวอันจิ (Ryoanji Temple)


ลานกรวนสีขาว

วัดเรียวอันจิ (Ryoanji Temple) จะต้องนั่งรถมาลงที่ป้าย Ryoanji-mae ที่อยู่ตรงทางเข้าวัด เมื่อเดินเข้ามาจะเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่ (Kyoyochi Pond) ที่มีพืชนานาพันธุ์ขึ้นอยู่โดยรอบ เมื่อเข้าไปในอาคารหลังหลักจะพบลานกรวดสีขาว มีก้อนหินวางพาดเป็นกลุ่มๆ ดูสวยงาม วัดเรียวอันจิ หรืออีกชื่อคือ วัดมังกรสันติ  สร้างเมื่อปี พ.ศ.1993 เป็นวัดแบบเซนมีชื่อเสียงในหมู่ผู้ที่ชอบทำสมาธิ รอบๆ บริเวณวัดก็ยังมีความสวยงามให้ได้เดินชมเล่นกันเพลินๆ อีกด้วย





วัดนินนาจิ (Ninnaji Temple)


ประตูวัดนินนาจิ (Ninnaji Temple)

วัดนินนาจิ (Ninnaji Temple) เดิมเป็นพระราชวังเก่าที่ประทับของจักรพรรดิ ทางเข้าวัดตรงประตูมียักษ์สองตนยืนเฝ้าประตูอยู่ อาคารและสิ่งก่อสร้างภายในวัดบางหลังที่ดูเก่าแก่มากแต่ก็ยังคงความสวยงาม โดยเฉพาะศาลาคอนโดะ (Kondo Hall) และศาลามิเอโดะ (Miedo Hall) ที่ขนย้ายจากพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโตมาสร้างในวัดนี้

เจดีย์ 5 ชั้น

ภายในวัดและบริเวณโดยรอบยังมี ศาลา เจดีย์ 5 ชั้น สวนหิน  ภาพวาด งานแกะสลัก พระพุทธรูป หอพระ วัตถุโบราณ งานเซรามิค แต่วัดนี้แตกต่างจากวัดอื่นๆ ตรงที่มีต้นซากุระพันธุ์เตี้ย (Low branched cherry Trees หรือ Omuro Cherry) พันธุ์นี้จะออกดอกช้ากว่าพันธุ์อื่น และวัดนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแล้วในปี พ.ศ.2537





ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)


ประตูการาม่อน (Karamon Gate)

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) วัดนี้ตั้งอยู่กลางเมืองเกียวโต ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้มีรูปทรงตั้งสูงเหมือนปราสาทหลายๆ แห่งในญี่ปุ่นแต่จะเป็นท้องพระโรงชั้นเดียวที่ตกแต่งด้วยวการปิดทองอย่างวิจิตรบรรจง แต่เดิมนั้นเคยเป็นปราสาท 5 ชั้น แต่ถูกไฟไหม้ การบูรณะใหม่จึงเหลือเพียงชั้นเดียว ตรงระเบียงที่เชื่อมกับตำหนักส่วนในที่ทำด้วยไม้ เวลามีคนเดินผ่านไปมาจะมีเสียงเสียดสีของไม้คล้ายเสียงของนกไนติงเกล ทำให้รู้ว่ากำลังจะมีคนเข้ามา จึงเรียกพื้นนี้ว่า Nightingale Floors แต่ตอนนี้เสียงอาจจะเพี้ยนไปแล้วด้วยอายุที่ยาวนาน

พระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru Palace)

ภายในยังมีหุ่นจำลองของเหล่าขุนนางและเหล่านางสนมภายในห้องต่างๆ ที่ด้านนอกก็มีสวนหิน บ่อน้ำ น้ำตกที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีการแสดงเต้นรำประกอบดนตรีแบบญี่ปุ่นโบราณแต่ต้องดูช่วงจังหวะให้ดี ปราสาทนิโจเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับการประการจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก





วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)


วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)

วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านตะวันออกของเมือง สร้างเมื่อปี พ.ศ.1236 บริเวณรอบวัดมีต้นเมเปิ้ลขึ้นอยู่มากกว่า 2,000 ต้น หากมาช่วงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีแล้วจะได้ชมสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสีของวัดทั้งวัด ภายในวัดยังมีวิหาร 25 หลัง ซึ่งที่วัดนี้มีประตูซันมงแบบเซนที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย เป็นวัดอีกแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย





ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha Shrine)


ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha Shrine)

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha Shrine) จะมีเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าวัด ส่วนเสาโทริอินับหมื่นคู่นั้นที่เป็นจุดเด่นของวัดนี้จะอยู่ทางด้านขวามือ เสาโทริอิสีแดงนับหมื่นคู่นี้จะตั้งอยู่บนเนินเขามีมากจนกลายเป็นอุโมงค์โทริอิที่ยาวราว 4 กิโลเมตร

อุโมงค์โทริอิ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ มีอีกชื่อหนึ่งว่าศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว ที่สร้างขึ้นโดยชาวนาเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอกที่เชื่อกันว่าเป็นทูตส่งสารของเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว จึงทำให้ตั้งแต่ทางเข้าจนไปถึงข้างในตัววัดจะพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกตั้งอยู่เป็นจำนวนมากให้ได้ชมกัน





วัดฮอนกันจิ (Honganji Temple)


วัดนิชิ-ฮอนกันจิ (Nishi -Honganji)

วัดฮอนกันจิ (Honganji Temple) เป็นวัดคู่ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองเกียวโต โดยวัดทางตะวันตกเรียกว่า วัดนิชิ-ฮอนกันจิ (Nishi -Honganji) และวัดทางตะวันออกเรียกว่า วัดฮิกะชิ ฮอนกันจิ (Higashi Honganji) เป็นวัดในนิกายโจโดชินสุ เป็นนิกายที่มีผู้นับถือมากในญี่ปุ่น โดยมีสาขาในญี่ปุ่นมากถึง 10,000 แห่ง ที่วัดนิชิ-ฮอนกันจิ มีอาคารหลักสองหลังคือ อาคารโกเออิโดะ (Goaido Hall) และอาคารอามิดาโดะ (Amidado Hall) ซึ่งอาคารหลังนี้เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปอามิดาด้วย นอกจากนี้ยังมีอาคารสมัยเอโดะยุคต้นที่มีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมอีก คือ Hiunkaku Pavilion ส่วนทางด้านวัดฮิกะชิ ฮอนกันจิ มีสวนโชเซเอ็น (Shoseien) ที่อยู่ในบริเวณวัดเป็นอีกจุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็เป็นที่จุดที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนได้อย่างสวยงามในเกียวโต ทั้งสองวัดได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกแล้ว





วัดโทจิ (Toji Temple)


วัดโทจิ (Toji Temple)

วัดโทจิ (Toji Temple) อยู่คู่กับเกียวโตมาตั้งแต่ต้น เป็นวัดใหญ่ที่อยู่ทางทิศตะวันออก จะตั้งขนาบกับอีกวัดหนึ่งเหมือนเป็นกำแพงก่อนเข้าเมือง วัดโทจินี้ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแล้ว อาคารที่เด่นที่สุดของวัดคือเจดีย์ 5 ชั้นขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 57 เมตร เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้ด้วย โดยทุกวันที่ 21 ของเดือนจะมีตลาดนัด มีของหลากหลายชนิดทั้งมือหนึ่งมือสองให้ได้เลือกซื้อหากัน





วัดซังจูซังเกนโดะ (Sanjusangendo Temple) 


วัดซังจูซังเกนโดะ (Sanjusangendo Temple)

วัดซังจูซังเกนโดะ (Sanjusangendo Temple) อยู่ทางตะวันออกของสถานีเกียวโต คนญี่ปุ่นรู้จักในชื่อวัดเร็งเงียวอิน (Rengeo-in Temple) วัดแห่งนี้จะพบเห็นในภาพถ่ายกีฬายิงธนู ซึ่งที่วัดนี้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลยิงธนูอันโด่งดัง ภายในวิหารของวัดแห่งนี้ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมพันกร พร้อมเหล่าสาวกอีกหนึ่งพันซึ่งมีหน้าที่ต่างกันไป





สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเกียวโต


1. บริเวณรอบๆ สถานีเกียวโต
     - หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower) ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีเกียวโต มีจุดชมวิวที่ระดับความสูง 100 เมตร เป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก

2. บริเวณใจกลางเกียวโต
     - พระราชวังเกียวโต (Kyoto Imperial Palace) ปัจจุบันยังคงเป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิในยามที่เสด็จแปรพระราชฐานมาเกียวโต นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ส่วนที่เป็นอุทยานเท่านั้น
     - ถนนชังโจ ถนนชินโจและถนนนิชิกิ (Sanjo, Shijo and Nishigi Street) เป็นย่านแฟชั่นแหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าใจกลางเมืองเกียวโต
     - ย่านบันเทิงพนโตโชะ (Pontocho) คล้ายๆ กับย่านกิออน ตั้งอยู่ระหว่างถนนซังกับสะพานซังโจ ริมฝั่งแม่น้ำคาโมะด้านตะวันตก มีร้านอาหาร บาร์ คาบาเร่ย์ ซึ่งจะมีไมโกะ และเกอิชาให้ความบังเทิง

3. บริเวณรอบนอกเกียวโต
     - วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) อยู่ห่างจากสถานีเกียวโตมาทางใต้ ตามเส้นทางรถไฟ JR Nara Line ราว 10 กิโลเมตร ที่มีศาลาโฮโดที่สวยงาม เป็นสมบัติสำคัญของชาติญี่ปุ่น
     - โทเอะ มูฟวี่แลนด์ (Toei Uzumasa Movieland หรือ Kyoto Studio Park) เป็นทั้งสวนสนุกและโรงถ่ายภาพยนตร์ของบริษัท โทเอะ ที่มีชื่อเสียงในการสร้างภาพยนตร์เกียวกับนินจา ภายในมีการจำลองบ้านเรือนในยุคซามูไรสมัยเอโดะเอาไว้ พร้อมทั้งมีการแสดงวิธีการเหาะเหินเดินอากาศของเหล่านินจาให้ชม
ขอบคุณภาพประกอบจาก
Ticket Discount Japan ,movers and miners ,japanesesearch.com