สถานที่ท่องเที่ยวในฮิเมจิ

ฮิเมจิ เมื่อพูดถึงเมืองนี้ ทุกคนคงนึกไปถึงปราสาทฮิเมจิ อีกปราสาทหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีความสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น จนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม คงจะไม่เสียเวลามากไปหากเมื่อเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วจะแวะเที่ยวชมความสวยงามที่เมืองแห่งนี้สักหน่อย




ฮิเมจิ


ฮิเมจิ (Himeji) เป็นเมืองที่อยู่ลงมาทางใต้ของญี่ปุ่นแต่ยังถือว่าอยู่ในเขตคันไซ อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ ซึ่งถ้านั่งชินคันเซ็นมาจากทางฮิโรชิมา หรือจากโตเกียว เกียวโต โอซาก้า รถทุกขบวนจะต้องผ่านและส่วนใหญ่จะแวะจอดที่สถานี Himeji อาจจะใช้เวลาสัก 2-3 ชั่วโมงแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองแห่งก็นี้ได้

แผนที่ฮิเมจิ





ปราสาทนกกระยางขาวฮิเมจิ (Himeji Castle)


ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) หรือ ปราสาทนกกระยางขาว ที่ได้มาจากการที่มีฝูงนกกระยางที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ นอกจากนี้ก็ยังมี ปราสาทหงษ์ขาว ปราสาทนกกระสา แตกต่างกันออกไปตามที่ชาวบ้านใช้เรียกกัน เดิมทีปราสาทแห่งนี้ใช้เป็นป้อมปราการป้องการเมือง เป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร แต่ไม่มีศัตรูมารุกรานทำให้ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างที่ตั้งใจไว้ ถึงจะผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแต่ปราสาทแห่งนี้ก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และยังคงความสมบูรณ์สวยงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนและสวยงามที่สุดในบรรดาปราสาทแห่งอื่นๆ ของประเทศญี่ปุ่น





สถานที่ท่องเที่ยวรอบปราสาทฮิเมจิ


1. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองฮิเมจิ (Himeji City Museum of Art) ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินญี่ปุ่นและศิลปินต่างชาติชาวเบลเยี่ยม

2. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo Prefectural Museum of History) ภายในจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดเฮียวโกะและประวัติศาสตร์ของปราสาทฮิเมจิ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในอดีต ห้องจัดแสดงชุดกิโมโนและซามูไร

3. สวนโคโคะเอ็น (Himeji Castle Nishioyashikiato Garen Kokoen) สวนสวยแบบญี่ปุ่นที่มีทั้งสวนหิน สวนสน สะพาน น้ำตกและแอ่งน้ำที่มีปลาคาร์ฟสีสวยว่ายวน บรรยากาศสวยงามแตกต่างกันไปทั้ง 4 ฤดู ทางเข้าตั้งอยู่ทางซ้ายมือด้านหน้าของปราสาท





ขอบคุณภาพประกอบจาก
Map of Japan ,All in Japan

สถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโต

เกียวโต เมืองน่าเที่ยวอีกเมือง เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองในเขตคันโตด้วยกันแล้ว เกียวโตมีความน่าสนใจที่อดีตเคยเป็นเมืองหลวงที่มีอายุยาวนานมานับพันปี จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมและโบราณสถานมากมายให้ได้ชมความสวยงามของศิลปะและวัฒนธรรมสมัยก่อน มาลองอ่านกันว่าจะมีที่ไหนสวยงามและน่าสนใจขนาดไหนไม่แน่เที่ยวครั้งต่อไปอาจจะเป็นที่เกียวโตก็ได้นะ





เกียวโต (เคียวโตะ)

เกียวโต (Kyoto) เป็นจังหวัดหนึ่งในเขตคันไซ อตีดเคยเป็นเมืองหลวงเก่าอีกแห่งของประเทศญี่ปุ่นมีอายุมานานนับพันปี ในช่วง ปี พ.ศ.1337-2412 เดิมชื่อว่า เฮอันเกียว จนถึงสมัยปฏิรูปเมจิในปี พ.ศ. 2411 จึงย้ายเมืองหลวงไปยังเอโดะ หรือโตเกียวในปัจจุบัน ด้วยความที่เกียวโตนั้นเป็นเมืองหลวงมายาวนาน ที่เมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม และโบราณสถานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัด ศาลเจ้า พระราชวัง ปราสาท ทุกสถานที่ยังคงอยู่ในสภาพดี เนื่องด้วยเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองเกียวโตได้ถูกยกเว้นจากการทิ้งระเบิด ทำโบราณสถาน วัดวาอารามมากมายยังคงสมบูรณ์ให้ผู้คนได้ดูมาจนถึงปัจจุบัน



แผนที่เกียวโต





วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple)


พลับพลาเงินที่ยังไม่ได้หุ้มเงิน

วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) จะต้องนั่งรถมาลงที่ป้าย Ginkakuji-michi แล้วเดินต่อไปอีกไม่นาน หากมาในช่วงซากุระบาน สองข้างทางจะเต็มไปด้วยซากุระทำให้บรรยากาศสวยงามมากยิ่งขึ้น วัดกินคะคุจิ หรือวัดพลับพลาเงิน (Silver Pavilion) เมื่อปี พ.ศ. 2025 เดิมทีท่านโชกุนโยชิมาสะ อาชิคางะ ตั้งใจจะหุ้มด้วยเงิน เพื่อให้คู่กับวัดคิมคะคุจิ หรือวัดพลับพลาทอง

วิวของวัดกินคะคุจิและเมืองเกียวโต

แต่ท่านได้เสียชีวิตลงเสียก่อนที่จะทันหุ้มด้วยเงิน จึงทำให้เห็นตัวพลับพลายังคงเป็นสีน้ำตาลสีของไม้มาจนถึงปัจจุบัน ที่ด้านบนของหลังคามีรูปนกฟินิกซ์ทำจากสำริด บรรยากาศรอบวัดพลับพลาเงินแห่งนี้ดูสวยงามและเงียบสงบ ด้วยรอบบริเวณวัดมีต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกไว้ดูสบายตา เมื่อเดินขึ้นเขาไปก็จะสามารถมองเห็นเมืองเกียวโตได้





วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple)


ประตูซันมง (Sanmon Gate)

วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) มีบัสรถสาย 5 สายเดียวที่วิ่งเข้าไปใกล้วัดที่สุดโดยลงที่ป้าย Nanzenji Eikando-michi แล้วเดินต่อไปอีกพอประมาณก็จะถึงทางเข้าวัด ที่หน้าวัดจะพบประตูทางเข้าหลังใหญ่เรีกยว่า ประตูซันมง (Sanmon Gate) สร้างจากไม้ต้นใหญ่ๆ

สะพานอิบที่ใช้วางท่อน้ำจากทะเลสาบบิวา

นอกจากนั้นภายในวัดยังมีสะพานที่ก่อจากอิฐสีขนาดใหญ่ เป็นสะพานที่ใช้วางท่อน้ำจากทะเลสาบบิวา (Lake Biwa) เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคในอดีต วัดนันเซ็นจิเคยเป็นวังที่ประทับของจักรดิพรรดิคะเมะยามะหลังสละราชสมบัติในปี พ.ศ.1817 ด้วยความเลื่อมใสในการนั่งกรรมฐานจึงได้ยกวังให้สร้างเป็นวัดในปี พ.ศ.1834 บริเวณศาลา Seiryo-den เป็นอาคารหลักของวัดนี้





ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine)


เสาโทริอิก่อนถึงทางเข้าวัด

ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine) จะพบเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ก่อนถึงทางเข้าวัดประมาณ 200 เมตร แต่ระหว่างสองข้างทางนั้มีพิพิธภัณฑ์อยู่สองแห่งให้ได้เลือกแวะชมก่อนเข้าวัด ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่เกียวโต (National Museum of Modern Art of Kyoto) และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเกียวโต (Kyoto Municipital Museum of Art) 

ศาลเจ้าและเจดีย์มังกรฟ้า-เจดีย์พยัคฆ์ขาว

เมื่อเข้าไปภายในวัดจะพบลานหินกรวดตรงด้านหน้าอาคารของศาลเจ้า แต่สิ่งที่เด่นสะดุดตาเห็นจะเป็น เจดีย์มังกรฟ้าและเจดีย์พยัคฆ์ขาวที่อยู่งทางด้านซ้านและขวาของอาคารศาลเจ้า ศาลเจ้าเฮอันถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่กรุงเกียวโตมีอายุครบ 1,100 ปี โดยอุทิศถวายแด่จักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของเมือง





ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)


เสาโทริอิศาลเจ้ายาซากะ

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ให้นั่งรถมาลงที่ป้าย Gion ก็สามารถเดินเข้าบริเวณของศาลเจ้าได้เลย และทำให้คนญี่ปุ่นเรีกยศาลเจ้าแห่งนี้ว่า กิออนซัง (Gion Yasaka Shrine) เสาโทริอิของศาลเจ้าแห่งนี้ทำจากหินแกรนิต ความโดดเด่นของศาลเจ้ายาซากะคือโคมไฟสีขาวที่ถูกห้อยอยู่เต็มศาลาของศาลเจ้า ศาลาข้างๆ กันเป็นศาลาที่คนทั่วไปจะเข้าไปขอพร และบริจาคเงินพร้อมกับเขย่าเชือกเส้นใหญ่ที่แควนเอาไว้เพื่อให้ระฆังด้านบนดังขึ้น เพื่อบอกเทพเจ้าให้รับรู้ เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่ชาวเกียวโตเลื่อมใส

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)

ข้างๆ ศาลเจ้าเป็นสวนมารุยามะ (Maruyama Park) สวนนี้มักใช้จัดงานเทศกาลอยู่เป็นประจำ ที่นี่ยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่คนมักจะมาชมซากุระกัน ด้วยต้นซากุระที่มีอยู่มาก เมื่อเดินทะลุสวนออกไปจะพบวัดอีกสองวัด คือ วัดโชรินเอ็น (Shorin-in) และ วัดจิออนอิน (Chion-in) หากดูจากประตูทางเข้าก็จะรู้ได้ว่าเป็นวัดใหญ่อีกแห่ง





วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera Temple)


เจดีย์ซันจุโนโตะ

วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera Temple) ต้องนั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Kiyomizu-michi จากตรงนี้จะมองเห็นเจดีย์ 5 ชั้นได้ จากนั้นก็เดินตรงไปได้เลย บรรยากาศสองข้างทางเดินก็ดูไม่น่าเบื่อ ที่ร้านขายของฝากของที่ระลึก และร้านอาหารตั้งเรียงรายให้ได้แวะชมกันจนเพลิน เมื่อเดินถึงทางเข้าจะเห็นเจดีย์ 3 ชั้นที่มีชื่อว่า เจดีย์ซันจุโนโตะ เข้าไปจะพบศาลาประดิษฐานพระโพธิสัตว์ วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะกลายเป็นเมืองหลวง ราวปี พ.ศ.1321

ศาลาหลังใหญ่

สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี่นั้นก็คือระเบียงของศาลาหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา ใช้ต้นไม้ขนาดใหญ่ในการทำเสาหลายต้น เมื่อมองออกไปจากระเบียงจะเห็นตัวเมืองได้อย่างชัดเจน ที่ด้านล่างจะมีจุดดื่มน้ำสามสายที่ชาวเกียวโตเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา สมหวังในความรัก และมีสุขภาพแข็งแรง ที่ศาลาหลังใหญ่เองก็มีศาลเจ้าอยู่ด้วยเป็นศาลเจ้าแห่งความรัก ชื่อศาลเจ้าจิชู สามารถแวะไปขอพรก่อนลงไปข้างล่างได้





กิออน (Gion)


กิออน (Gion)

กิออน (Gion) ย่านบันเทิงเริงรมย์กลางเมืองเกียวโต บรรดาอาคารต่างๆ ในย่านกิออนเป็อาคารแบบโบราณใช้เป็นร้านอาหาร ร้านน้ำชา ภัตตาคาร ที่จะมี เกอิชา (Geisha) คอยต้อนรับและบริการแขก บางครั้งก็จะมีสาวๆ ไมโกะมาคอยเป็นผู้ช่วย เกอิชาจะมีหน้าที่ในการร้องรำ ระบำ เล่นดนตรี เล่นเกม จนเป็นคู่สนทนากับแขกที่มารับประทานอาหาร ทำให้เกอิชาต้องมีความสามารถรอบด้าน เกอิชาจะไม่มาปรากฎตัวให้เห็นง่ายๆ แต่ถ้าเป็นไมโกะจะพบเห็นได้ง่ายกว่า โดนต้องไปที่ด้านหลัง Gion Cornner จะเห็นไมโกะทยอยออกมาที่ละคู่เพื่อไปทำงานนอกสถานที่ ตรงข้ามกับ Gion Cornner มีโรงละคร Gion Koubu Kaburenjo ซึ่งคนจะชอบมาดูการแสดงระบำซากุระ (Miyako Odori) มาก





วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)


วัดพลับพลาทอง (Golden Pavilion)

วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือวัดพลับพลาทอง (Golden Pavilion) ซึ่งจะต้องนั่งรถมาลงที่ป้าย Kinkakuji-michi เดินต่ออีกไม่ไกลก็ถึงทางเข้าวัด วัดพลาพลับทองถือว่าเป็นอีกวัดหนึ่งที่ดังมากในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1940  เดิมวัดแห่งนี้เป็นพลับพลาของท่านโชกุนอาชิกางะ โยชิมิสึ ซึ่งจะรู้จักกันในการ์ตูนเรื่อง อิกคิวซัง ก่อนที่จะยกให้วัดโรกุนอนจิ (Rokuonji) เป็นอีกชื่อของวัดแห่งนี้ โดย พ.ศ.2493 ได้ถูกลอบวางเพลิง และสร้างพลับพลาขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2498 ทองที่เห็นในปัจจุบันนั้นหุ้มเมื่อ พ.ศ.2530 บริเวณรอบศาลาจะเป็นบึงน้ำ เรียกว่า สระเรียวโกะ แปลว่าสระสะท้อน ซึ่งจะมองเห็นเงาสะท้อนของศาลาในน้ำทำศาลาดูสวยขึ้นไปอีก





วัดเรียวอันจิ (Ryoanji Temple)


ลานกรวนสีขาว

วัดเรียวอันจิ (Ryoanji Temple) จะต้องนั่งรถมาลงที่ป้าย Ryoanji-mae ที่อยู่ตรงทางเข้าวัด เมื่อเดินเข้ามาจะเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่ (Kyoyochi Pond) ที่มีพืชนานาพันธุ์ขึ้นอยู่โดยรอบ เมื่อเข้าไปในอาคารหลังหลักจะพบลานกรวดสีขาว มีก้อนหินวางพาดเป็นกลุ่มๆ ดูสวยงาม วัดเรียวอันจิ หรืออีกชื่อคือ วัดมังกรสันติ  สร้างเมื่อปี พ.ศ.1993 เป็นวัดแบบเซนมีชื่อเสียงในหมู่ผู้ที่ชอบทำสมาธิ รอบๆ บริเวณวัดก็ยังมีความสวยงามให้ได้เดินชมเล่นกันเพลินๆ อีกด้วย





วัดนินนาจิ (Ninnaji Temple)


ประตูวัดนินนาจิ (Ninnaji Temple)

วัดนินนาจิ (Ninnaji Temple) เดิมเป็นพระราชวังเก่าที่ประทับของจักรพรรดิ ทางเข้าวัดตรงประตูมียักษ์สองตนยืนเฝ้าประตูอยู่ อาคารและสิ่งก่อสร้างภายในวัดบางหลังที่ดูเก่าแก่มากแต่ก็ยังคงความสวยงาม โดยเฉพาะศาลาคอนโดะ (Kondo Hall) และศาลามิเอโดะ (Miedo Hall) ที่ขนย้ายจากพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโตมาสร้างในวัดนี้

เจดีย์ 5 ชั้น

ภายในวัดและบริเวณโดยรอบยังมี ศาลา เจดีย์ 5 ชั้น สวนหิน  ภาพวาด งานแกะสลัก พระพุทธรูป หอพระ วัตถุโบราณ งานเซรามิค แต่วัดนี้แตกต่างจากวัดอื่นๆ ตรงที่มีต้นซากุระพันธุ์เตี้ย (Low branched cherry Trees หรือ Omuro Cherry) พันธุ์นี้จะออกดอกช้ากว่าพันธุ์อื่น และวัดนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแล้วในปี พ.ศ.2537





ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)


ประตูการาม่อน (Karamon Gate)

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) วัดนี้ตั้งอยู่กลางเมืองเกียวโต ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้มีรูปทรงตั้งสูงเหมือนปราสาทหลายๆ แห่งในญี่ปุ่นแต่จะเป็นท้องพระโรงชั้นเดียวที่ตกแต่งด้วยวการปิดทองอย่างวิจิตรบรรจง แต่เดิมนั้นเคยเป็นปราสาท 5 ชั้น แต่ถูกไฟไหม้ การบูรณะใหม่จึงเหลือเพียงชั้นเดียว ตรงระเบียงที่เชื่อมกับตำหนักส่วนในที่ทำด้วยไม้ เวลามีคนเดินผ่านไปมาจะมีเสียงเสียดสีของไม้คล้ายเสียงของนกไนติงเกล ทำให้รู้ว่ากำลังจะมีคนเข้ามา จึงเรียกพื้นนี้ว่า Nightingale Floors แต่ตอนนี้เสียงอาจจะเพี้ยนไปแล้วด้วยอายุที่ยาวนาน

พระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru Palace)

ภายในยังมีหุ่นจำลองของเหล่าขุนนางและเหล่านางสนมภายในห้องต่างๆ ที่ด้านนอกก็มีสวนหิน บ่อน้ำ น้ำตกที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีการแสดงเต้นรำประกอบดนตรีแบบญี่ปุ่นโบราณแต่ต้องดูช่วงจังหวะให้ดี ปราสาทนิโจเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับการประการจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก





วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)


วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)

วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านตะวันออกของเมือง สร้างเมื่อปี พ.ศ.1236 บริเวณรอบวัดมีต้นเมเปิ้ลขึ้นอยู่มากกว่า 2,000 ต้น หากมาช่วงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีแล้วจะได้ชมสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสีของวัดทั้งวัด ภายในวัดยังมีวิหาร 25 หลัง ซึ่งที่วัดนี้มีประตูซันมงแบบเซนที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย เป็นวัดอีกแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย





ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha Shrine)


ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha Shrine)

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha Shrine) จะมีเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าวัด ส่วนเสาโทริอินับหมื่นคู่นั้นที่เป็นจุดเด่นของวัดนี้จะอยู่ทางด้านขวามือ เสาโทริอิสีแดงนับหมื่นคู่นี้จะตั้งอยู่บนเนินเขามีมากจนกลายเป็นอุโมงค์โทริอิที่ยาวราว 4 กิโลเมตร

อุโมงค์โทริอิ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ มีอีกชื่อหนึ่งว่าศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว ที่สร้างขึ้นโดยชาวนาเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอกที่เชื่อกันว่าเป็นทูตส่งสารของเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว จึงทำให้ตั้งแต่ทางเข้าจนไปถึงข้างในตัววัดจะพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกตั้งอยู่เป็นจำนวนมากให้ได้ชมกัน





วัดฮอนกันจิ (Honganji Temple)


วัดนิชิ-ฮอนกันจิ (Nishi -Honganji)

วัดฮอนกันจิ (Honganji Temple) เป็นวัดคู่ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองเกียวโต โดยวัดทางตะวันตกเรียกว่า วัดนิชิ-ฮอนกันจิ (Nishi -Honganji) และวัดทางตะวันออกเรียกว่า วัดฮิกะชิ ฮอนกันจิ (Higashi Honganji) เป็นวัดในนิกายโจโดชินสุ เป็นนิกายที่มีผู้นับถือมากในญี่ปุ่น โดยมีสาขาในญี่ปุ่นมากถึง 10,000 แห่ง ที่วัดนิชิ-ฮอนกันจิ มีอาคารหลักสองหลังคือ อาคารโกเออิโดะ (Goaido Hall) และอาคารอามิดาโดะ (Amidado Hall) ซึ่งอาคารหลังนี้เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปอามิดาด้วย นอกจากนี้ยังมีอาคารสมัยเอโดะยุคต้นที่มีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมอีก คือ Hiunkaku Pavilion ส่วนทางด้านวัดฮิกะชิ ฮอนกันจิ มีสวนโชเซเอ็น (Shoseien) ที่อยู่ในบริเวณวัดเป็นอีกจุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็เป็นที่จุดที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนได้อย่างสวยงามในเกียวโต ทั้งสองวัดได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกแล้ว





วัดโทจิ (Toji Temple)


วัดโทจิ (Toji Temple)

วัดโทจิ (Toji Temple) อยู่คู่กับเกียวโตมาตั้งแต่ต้น เป็นวัดใหญ่ที่อยู่ทางทิศตะวันออก จะตั้งขนาบกับอีกวัดหนึ่งเหมือนเป็นกำแพงก่อนเข้าเมือง วัดโทจินี้ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแล้ว อาคารที่เด่นที่สุดของวัดคือเจดีย์ 5 ชั้นขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 57 เมตร เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้ด้วย โดยทุกวันที่ 21 ของเดือนจะมีตลาดนัด มีของหลากหลายชนิดทั้งมือหนึ่งมือสองให้ได้เลือกซื้อหากัน





วัดซังจูซังเกนโดะ (Sanjusangendo Temple) 


วัดซังจูซังเกนโดะ (Sanjusangendo Temple)

วัดซังจูซังเกนโดะ (Sanjusangendo Temple) อยู่ทางตะวันออกของสถานีเกียวโต คนญี่ปุ่นรู้จักในชื่อวัดเร็งเงียวอิน (Rengeo-in Temple) วัดแห่งนี้จะพบเห็นในภาพถ่ายกีฬายิงธนู ซึ่งที่วัดนี้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลยิงธนูอันโด่งดัง ภายในวิหารของวัดแห่งนี้ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมพันกร พร้อมเหล่าสาวกอีกหนึ่งพันซึ่งมีหน้าที่ต่างกันไป





สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเกียวโต


1. บริเวณรอบๆ สถานีเกียวโต
     - หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower) ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีเกียวโต มีจุดชมวิวที่ระดับความสูง 100 เมตร เป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก

2. บริเวณใจกลางเกียวโต
     - พระราชวังเกียวโต (Kyoto Imperial Palace) ปัจจุบันยังคงเป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิในยามที่เสด็จแปรพระราชฐานมาเกียวโต นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ส่วนที่เป็นอุทยานเท่านั้น
     - ถนนชังโจ ถนนชินโจและถนนนิชิกิ (Sanjo, Shijo and Nishigi Street) เป็นย่านแฟชั่นแหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าใจกลางเมืองเกียวโต
     - ย่านบันเทิงพนโตโชะ (Pontocho) คล้ายๆ กับย่านกิออน ตั้งอยู่ระหว่างถนนซังกับสะพานซังโจ ริมฝั่งแม่น้ำคาโมะด้านตะวันตก มีร้านอาหาร บาร์ คาบาเร่ย์ ซึ่งจะมีไมโกะ และเกอิชาให้ความบังเทิง

3. บริเวณรอบนอกเกียวโต
     - วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) อยู่ห่างจากสถานีเกียวโตมาทางใต้ ตามเส้นทางรถไฟ JR Nara Line ราว 10 กิโลเมตร ที่มีศาลาโฮโดที่สวยงาม เป็นสมบัติสำคัญของชาติญี่ปุ่น
     - โทเอะ มูฟวี่แลนด์ (Toei Uzumasa Movieland หรือ Kyoto Studio Park) เป็นทั้งสวนสนุกและโรงถ่ายภาพยนตร์ของบริษัท โทเอะ ที่มีชื่อเสียงในการสร้างภาพยนตร์เกียวกับนินจา ภายในมีการจำลองบ้านเรือนในยุคซามูไรสมัยเอโดะเอาไว้ พร้อมทั้งมีการแสดงวิธีการเหาะเหินเดินอากาศของเหล่านินจาให้ชม
ขอบคุณภาพประกอบจาก
Ticket Discount Japan ,movers and miners ,japanesesearch.com

สถานที่ท่องเที่ยวในฮาโกเน่

ฮาโกเน่ เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจในจังหวัดคานากาว่า เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องของแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอย่างที่น่าสนใจ ถ้าอยาจะรู้ว่ามีอะไรที่น่าเที่ยวบ้างละก็ ลองอ่านกันได้ในนี้เลย เชื่อเถอะว่ายังมีอีหลายที่ให้น่าไปเยือน




ฮาโกเน่

ฮาโกเน่ (Hakone) เป็นอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa Ken) ซึ่งเมืองนี้จะอุดมได้ด้วยแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาไฟ และถือเป็นเมืองหน้าด่านสู่ภูเขาไฟฟูจิ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอย่างทะเลสาบฮาโกเน่ด้วย ในเมืองนี้ยังแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกหลายทีอีกด้วย


แผนที่ฮาโกเน่





พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง (The Hakone Open-Air Museum)


พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง (The Hakone Open-Air Museum)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง (The Hakone Open-Air Museum) เดินจากสถานี Chokoku-no-mori ของรถไฟสาย Hakone Tozan Raiways เดินประมาณ 2-5 นาที จะมีป้ายทางแค่เดินตามป้ายบอกทางมาเท่านั้น พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งนี้จัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินทั้งชาวต่างชาติและศิลปินชาวญี่ปุ่น งานศิลปะจะถูกจัดวางไว้ท่ามกลางเนินทุ่งหญ้ากลางหุบเขาทำให้ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการชมงานศิลปะ ซึ่งภายในนี้มีงานผลศิลปะมากกว่า 100 ชิ้นจัดแสดงไว้ได้ชมอีกด้วย

Picasso Pavilion 

นอกจากศิลปะที่ถูกจัดแสดงไว้กลางแจ้งแล้วที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งแห่งนี้ยังมีอาคารที่ใช้จัดแสดงผลงานศิลปะอยู่ด้วย และอีกจุดที่น่าสนใจก็คือ Picasso Pavilion ที่จัดแสดงผลงานของ "ปิกัสโซ่" มากกว่า 300 ผลงาน





สวนโกร่า (Hakone Kora Park)


สระน้ำพุยักษ์ (Gigantic Fountain Pond)

สวนโกร่า (Hakone Kora Park) ให้เดินตามถนนเรียบทางรถไฟ สวนโกร่าจะอยู่ระหว่างทางเรียบทางรถไฟก่อนถึงสถานี Gora เดินประมาณ 10 นาที จะมีป้ายบอกทางไว้อีกเช่นเดียวกัน ทางขึ้นเป็นเนินเขาสูงชันอาจจะต้องเหนื่อยกันสักหน่อย เมื่อเข้าไปภายในสวนจะพบ เสาหินขนาดใหญ่ พร้อมด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ และสระน้ำพุยักษ์ (Gigantic Fountain Pond) ด้วยบรรยากาศสวยๆ ก็ทำให้ลืมเหนื่อยกันพอดี






ชิมไข่ดำ (Black Egg) ที่โอวาคุดานิ


บ่อกำมะถันที่ใช้ต้มไข่

จุดชิมไข่ดำ (Black Egg) นี้ต้องเดินต่อจะสถานีกระเช้า Owakudani ขึ้นไปยังจุดที่เห็นเป็นควันขาวๆ ลอยขึ้นมาอีกประมาณ 15 นาที จุดนี้เป็นบ่อกำมะถันที่ใช้ในการต้มไข่ ที่เขาว่ากันว่า ไข่ดำ 1 ฟองทำให้อายุยืนขึ้นอีก 7 ปี จึงทำให้ผู้คนต่างสนใจที่จะมายังจุดนี้กันเป็นจำนวนมากพอสมควร บริเวณบ่อกำมะถันนี้เป็นเขตภูเขาไฟเก่า แต่ยังคงมีความร้อนจากไต้พื้นดินดันขึ้นมา ทำให้น้ำในบริเวณนี้มีความร้อนพอที่จะใช้ต้มให้ไข่สุกได้ แต่จุดที่คนสนใจอยู่ที่ ไข่ดำทำให้อายุยืนเนี่ยแหละ ไม่รู้จริงหรือเปล่าคงต้องไปลองกันเองนะจุดนี้





ล่องเรือโจรสลัดท่องทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi)


เรือโจรสลัดที่ล่องในทะเลสาบอาชิ

ล่องเรือโจรสลัดท่องทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi) จะต้องมายังท่าเทียบเรือที่ทะเลสาบอาชิ ที่นี้จะมีบริษัทที่เปิดให้บริการ ซึ่งเรือที่ให้บริการจะมีลักษณะเด่นคือเป็น เรือโจรสลัด แบบในหนังที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เรือจะแล่นไปในทะเลสาบอาชิ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวทิวทัศน์บรรยากาศที่สวยงามของธรรมชาติในทะเลสาบนี้ที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ บางช่วงก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ ก่อนที่เรือจะเข้าเทียบท่าเรือ Hakonemachi จะเห็นเสาโทริอิสีแดงของศาลเจ้าฮาโกเน่ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ





ศาลเจ้าฮาโกเน่ (Hakone Shrine)


เสาโทริอิริมทะเลสาบอาชิ

ศาลเจ้าฮาโกเน่ (Hakone Shrine) ซ่อนตัวอยู่กลางป่าทึบ เป็นศาลเจ้าในศาศนาชินโตที่เป็นศาลเจ้าสำคัญของเมือง จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวต่างรู้จักกันดีคือ เสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบอาชิ ที่แสดงให้เห็นเขตแดนของศาลเจ้า 

ทางเดินไปยังศาลเจ้าฮาโกเน่

จากท่าเรือจะมีทางให้เดินมายังศาลเจ้าตลอดเส้นทางเป็นต้นไม้เชียวชอุ่มดูสบายตาทั้งต้นเล็กต้นใหญ่และสองข้างทางก็ยังเรียงรายไปด้วยเสาโคมไฟสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ ให้ผ่อนคลายสบายใจก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปอีกหลายขั้น

ศาลเจ้าฮาโกเน่

ที่จุดหมายปลายทางคือศาลเจ้าฮาโกเน่ที่เป็นศาลเจ้าสำคัญของเมืองฮาโกเน่ ถึงตัวศาลเจ้าจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนศาลเจ้าที่อื่นๆ แต่ก็ยังคงความสวยงามด้วยรายละเอียดและองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง บรรยากาศโดยรอบก็ทำให้ที่นี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ขึ้นมาสัการะบูชาได้
 

10 ที่พักแนะนำในฮาโกเน่ ญี่ปุ่น

ขอบคุณภาพประกอบจาก
Map of Japan ,japan-guide.com ,karineatsworld.blogspot.com ,oknation.net
Beyond the rhetoric ,viptravelsgroups.com ,thanwarat.wordpress.com

สถานที่ท่องเที่ยวในคามาคุระ

คามาคุระ อีกเมืองที่น่าสนในจังหวัดคานากาว่า ที่เมืองนี้เน้นแหล่งท่องเที่ยวมาทางด้านวัฒนธรรม ด้วยที่คามาคุระเคยเป็นเมืองหลงเก่ามาก่อน จึงมีวัดที่น่าสนใจให้ได้ศึกษาอยู่หลายวัดด้วยกัน ซึ่งความสวยงามนั้นก็แตกต่างกันออกไป คามาคุระจะน่าเที่ยวอย่างไร เชิญลองอ่านประวัติและดูสถานที่ท่องเที่ยวกันได้ก่อนเลย


คามาคุระ

คามาคุระ (Kamakura) เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa Ken) อดีตเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ทำให้ภายในเมืองมีวัดวาอารามอยู่มากและหลายวัดก็มีชื่อเสียงมาก ผู้คนจากในและนอกประเทศต่างให้ความสนใจที่จะเดินทางมาทำบุญและท่องเที่ยวกันในเมืองแห่งนี้ด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมและศาสนาที่ชวนให้หลงไหลในความงดงาม


แผ่นที่คามาคุระ





วัดเองงะคุจิ (Engakuji Temple)


ศาลาไม้เก่าแก่

วัดเองงะคุจิ (Engakuji Temple) อยู่ไม่ไกลจากสถานี Kita-Kamakura เมื่อเดินขึ้นบันไดหินไปจะเจอกับศาลาไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ตั้งเด่นสวยงาม วัดเองงะคุจิ เป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายเซนที่หลงเหลืออยู่ในคามาคุระ ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับผู้ที่เสียชีวิตในช่วงที่ทัพมองโกลเข้ามารุกรานภายในบริเวณหอซาริเด็น (Shariden) นั้นมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ และพระพุทธรูปหินที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ล้วนแล้วแต่งดงาม ถึงพระพุทธรูปหินจะผุกรอนไปตามกาลเวลา เมื่อเดินไปเรื่อยจะพบระฆังที่สูงถึง 2.5 เมตร ภายในบริเวณวัดร่มรื่น ที่ด้านหลังจะมีสวนญี่ปุ่นให้เข้าไปเดินชมกับความสวยงามของศิลปะในการจัดสวนด้วย





วัดเคนโชจิ (Kenchoji Temple)


วัดเคนโชจิ (Kenchoji Temple)

วัดเคนโชจิ (Kenchoji Temple) ห่างจากสถานี Kita-Kamakura เดินประมาณ 10-15 นาที ตลอดถนนเส้นเล็กจะพบเห็นวัด ศาลเจ้าเล็กๆ หลายแห่ง วัดเคนโชจิ เป็นวัดในนิกายเซนที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในคามาคุระ ด้วยมีศาลาหรือวิหารตั้งอยู่ภายในบริเวณของวัดถึง 49 หลัง แต่ก็ถูกไฟไหม้เสียหายไปหลายหลัง ที่ศาลาหลังใหญ่ทำจากไม้ที่ด้านหน้าตัวศาลามีต้นซากุระ เมื่อถึงฤดูซากุระบานจะยิ่งทำให้บรรยากาศรอบวัดสวยงามยิ่งขึ้น ที่ด้านขวาของประตูใหญ่ซันมง (Sanmon Gate) มีระฆังใบใหญ่ห้อยอยู่ที่ตัวระฆังจะมีลายมือของเจ้าอาวาสคนแรกปรากฏอยู่ ที่ด้านหลังวัดยังมีต้นสนซีด้าร์อายุหลายร้อยปี ที่เชื่อว่าเจ้าอาวาสคนแรกเป็นผู้ปลูกเอาไว้





ศาลเจ้าซึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)


ประตูโทริอิทางเข้าด้านหน้าของศาลเจ้า

ศาลเจ้าซึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ (Tsurugaoka Hachimangu Shrine) อยู่ใกล้จากวัดเคนโชจิ เดินลงมาไม่นานก็ถึงทางเข้าด้านข้างของศาลเจ้า หรือหากมาจาก สถานี Kamakura  ประมาณ 3 นาทีก็จะเจอกับประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ แล้วเดินต่อมาอีกประมาณ 10-15 นาที ตลอดทางที่เดินเข้ามาที่ศาลเจ้ามีต้นซากุระอยู่ตลอดสองข้างทางและมีโคมไฟญี่ปุ่นแขวนไว้ตลอดแนว

ศาลเจ้าซึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)

ก่อนจะถึงทางขึ้นศาลเจ้าซึงถ้ามาจากทางนี้จะเข้ามาทางด้านหน้าของศาลเจ้า แล้วจะเจอกับศาลาของศาลเจ้าและจะเห็นศาลเจ้าอยู่ด้านหลังบนเนินเขาสูง ศาลเจ้านี้สร้างโดยโชกุนคนแรกของเมืองคามาคุระ เพื่อใช้เป็นสถานที่สักการะบูชาฮาจิมัง เทพเจ้าแห่งสงครามและเทพผู้ปกปักรักษาตระกูลมินาโมโตะ ช่วงวันขึ้นปีใหม่จะมีชาวญี่ปุ่นเดินทางมาสักการะราวๆ 2 ล้านคน





พระใหญ่ ไดบุตสึ แห่งเมืองคามาคุระ (Kamakura Daibutsu)


พระใหญ่ ไดบุตสึ แห่งเมืองคามาคุระ 
(Kamakura Daibutsu, Great Buddha)

พระใหญ่ ไดบุตสึ แห่งเมืองคามาคุระ  (Kamakura Daibutsu, Great Buddha) ต้องซื้อบัตรเข้าชมที่ทางเข้าด้านหน้าวัดก่อน เมื่อเข้าจะพบกลุ่มต้นสนสีเขียวดูสบายตาก่อนถึงลานกว้าง ซึ่งจะเห็นองค์พระใหญี่ที่ตั้งตระหง่าน ชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้คือ พระอมิตตาพุทธ นิโอยุราอิ (Amida Nyoyurai) อยู่ภายในวัดโคโตกุอิน (Kotoku-in Temple) ซึ่งองค์พระทำจากสำริดทั้งองค์ เสร็จในปี พ.ศ. 1795 ด้วยอายุที่ยาวนานผ่านลมผ่านฝนและหิมะมามากเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั้น ทำให้องค์พระเป็นสีเขียว เดิมองค์พระทำจากไม้ประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่เจอกับพายุจนเกิดความเสียหายจึงได้ทำการสร้างองค์พระขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังเจอกับภัยธรรมชาติมามากมายจนครั้งสุดท้ายเจอเข้ากับคลื่นยักษ์สึนามิ กวาดเอาบ้านเรือน วิหารลงทะเลไปจนหมด แต่องค์พระกลับยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม จนเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเมือง


ต้นสนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงปลูกในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เยือนวัดโคโตกุอิน เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2474

นอกจากนี้แล้วภายในบริเวณวัดยังมีต้นสนอยู่ 3 ต้น ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งยังทรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสธิราช มหาวชิราวุธ สยามมงกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระบรมโอรสสาธิราช ครั้งเมื่อได้เสด็จมานมัสการหลวงพ่อโตไดบุทสึ แล้วได้ทรงปลูกเอาไว้อยู่ด้วย





เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ วัดฮาเสะเดระ (Hasedera Temple, Great kannon)


โคมไฟสีแดงใหญ่หน้าทางเข้าวัดฮาเสะเดระ 

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ วัดฮาเสะเดระ (Hasedera Temple) เดินจากวัดพระใหญ่ก็ไม่ไกลมาก ด้านหน้าวัดจะเจอกับโคมไฟสีแดงใบใหญ่ เมื่อเข้ามาด้านในจะเจอกับสวนแบบญี่ปุ่น ก่อนที่จะขึ้นไปชมเจ้าแม่กวนอินนั้นจะต้องแวะชม "จิโสะ" เทวรูปหินที่มีจำนวนนับพันองค์ ซึ่งเทวรูปนี้สร้างเพื่ออุทิศให้กับทารกที่เสียชีวิต จะว่าจะมีผ้าเอี๊ยมสีแดงกับหมวกไหมพรมสวมไว้ที่องค์เทวรูป

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ (Great kannon)

 เมื่อเดินขึ้นไปถึงวิหารที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอินจะพบกับ พระพุทธรูปปางต่างๆ ตั้งอยู่กลางแจ้งอีกหลายองค์ เมื่อเข้าไปภายในวิหารจึงจะพบเจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักจากไม้หุ้มด้วยทองปาง 11 พักตร์ สูงถึง 9.18 เมตร ซึ่งใหญ่สุดในญี่ปุ่น 


ถ้ำภายในวัดฮาเสะเดระ

ที่มุมด้านหน้าของวิหารใหญ่สามารถมองอ่าวซากะมิ ของเมืองคามาคุระ ก่อนกลับอย่าพลาดไปดูพระพุทธรูปเล็กๆ สีเหลืองตั้งเรียงรายหลายร้อยองค์ภายในถ้ำ




ขอบคุณภาพประกอบจาก
Map of Japan ,japancheckin.com ,about108.com ,japanesesearch.com
deeryarch.me ,rungaran ,commons.wikimedia.org ,Travel Pictures Gallery
Travels on a Small Island ,getintravel.com

สถานที่ท่องเที่ยวในโยโกฮาม่า

โยโกฮาม่า เมืองท่าสำคัญและทันสมัยของญี่ปุ่น หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเมืองนี้กันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้ายังไม่มีโอกาศได้ไปเยือนสักแล้วละก็ ลองเนื้อหาของหน้านี้แล้ว อาจจะสนใจเมืองท่าแห่งนี้ขึ้นมาก็ได้ ลองดูจะมีอะไรในเมืองแห่งนี้ ลองอ่านกันเลยนะ



โยโกฮาม่า


โยโกฮาม่า (Yokohama) คือเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เป็นเมืองศูนย์กลางของการค้า อุตสาหกรรม แฟชั่นและการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ  โยโกฮาม่าตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดคานากาว่า (Kanakawa Ken) เมืองโยโกฮาม่าถือว่าเป็นเมืองที่มีคนไทยเข้าไปอาศัยและทำงานมากพอสมควร สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ถือว่ามีให้เที่ยวเยอะพอสมควร



แผนที่โยโกฮาม่า





มินาโตะ มิไร (Minato Mirai)


มินาโตะ มิไร (Minato Mirai) ย่านหนึ่งของโยโกฮาม่า ที่สร้างขึ้นด้วยหวังให้เป็นเมืองแห่งอนาคต  พื้นที่ 40% เกิดจากการถมทะเล เป็นย่านที่มีตึกสูงระฟ้า สถานที่จัดงานประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ได้ในระดับนานาชาติ สวนสนุก และเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีหลายจุดที่เป็นสถานที่ที่น่าสนใจของย่านนี้ อาทิ

Yokohama Lanmark Tower

1. Yokohama Lanmark Tower ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อออกจากสถานีเจอาร์ซากุระกิโจก็จะเห็นได้เลย ตึกที่สูงโดดเด่น ซึ่งมีจำนวน ถึง 70 ชั้น ด้วยความสูง 296 เมตร นอกจากนี้ยังมีลิฟท์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก จากชั้นล่างไปถึงชั้น 69 ใช้เวลาเพียง 40 วินาที ก็สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโยโกฮาม่าได้ หากมาจากสถานีซากุระกิโจจะมีทางเชื่อมมาที่ Yokohama Lanmark Tower ได้ จะผ่านส่วนที่เป็นศูนย์การค้า Queen Tower, Queen's Square ช้อปปิ้งมอลล์ขนนาดใหญ่ริมอ่าวโยโกฮาม่า เดินต่อไปก็ถึง pacifico yokohama ที่จัดงานประชุมงานแสดงระดับนานาชาติ

เรือสำเภา Nippon Maru และพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์

2. เรือสำเภา Nippon Maru และพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ จอดอยู่บริเวณหน้าตึก Landmark Tower ซึ่งเรือลำนี้ออกเดินทางมาแล้วทั่วโลก หลังจากปลดระวางแล้ว จึงใช้เป็นโรงเรียนการเดินเรือ ผลิตกะลาสีมาแล้วกว่า 10,000 คน เราสามารถเดินขึ้นไปภายในบริเวณเรือได้ ด้วยยังเป็นพิพิธภัณฑ์การเดินเรือสมุทร (Yokohama Maritime Museum)

สวนสนุก CosmoWorld 

3. สวนสนุก CosmoWorld และชิงช้าสวรรค์ Cosmo Clock อยู่ตรงบริเวณทางเดินริมทะเล โดยเจ้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Cosmo Clock คือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้มากที่สุด ด้วยเป็นชิงช้าที่ทั้งใหญ่และสูงที่สุดในญี่ปุ่น  ซึ่งใช้เวลา 15 นาทีต่อหนึ่งรอบ ถึงจุดสูงสุดแล้วมองลงมาจะเห็นวิวด้านล่างที่สวยงามจากอีกมุมมองหนึ่งเลย  นอกจากนี้ใครที่ชอบความท้าทายและความตื่นเต้นแล้วก็ยังมีเครื่องเล่นอีกหลายชิ้นให้ได้เลือกเล่นตามใจชอบ





ตึกแดง (Red Brick Warehouse)


ตึกแดง (Red Brick Warehouse)

ตึกแดง (Red Brick Warehouse) ถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2454-2456 เพื่อใช้เป็นด่านศุลกากรโกดังเก็บสินค้าของท่าเรือโยโกฮาม่า ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ อาคารสีแดงที่สร้างจากอิฐสีแดงสองหลัง กลายเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และภัตตาคาร ในบรรยากาศสบายๆ ห่างไกลจากชุมชน ที่นี้จึงกลายเป็นอีกที่พักผ่อนของผู้คนในเมือง





สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park)


สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park)

สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park) มีพื้นที่ยาวออกไปตามแนวชายฝั่ง เป็นสาธารณะทีอยู่ติดริมทะเล เป็นอีกสถานที่พักผ่อนของคนในโยโกฮาม่า ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายจากลมทะเล ช่วงเวลาเย็นจะมีผู้คนออกมาเดินที่สวนนี้เป็นประจำ นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆ ก็มี เรือฮิคาวะมารุ (Hikawa-Maru) เป็นเรือโดยสารและโรงพยบาลเคลื่อนที่ ที่ปลดระวางตั้งแต่ พ.ศ.2503 จอดอยู่ สามารถซื้อบัตรเข้าไปชมได้





ไชน่าทาวน์ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (Yokohama Chinatown)


ไชน่าทาวน์ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (Yokohama Chinatown)

ไชน่าทาวน์ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (Yokohama Chinatown) ด้วยโยโกฮาม่าเป็นเมืองท่าสำคัญของญี่ปุ่นจึงไม่แปลกที่จะมีไชน่าทาวน์ที่ใหญี่ที่สุด ด้วยอยู่กันมานานตั้งแต่มีท่าเรือ ความใหญ่ของไชน่าทาวน์ทำให้มีประตูแบบจีนตั้งเรียงรายขวางถนนอยู่ถึง 10 แห่ง ซึ่งประตูถูกสร้างขึ้นมาตามหลักฮวงจุ้ยศาสตร์ของคนจีน ภายในมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร ให้เลือกดูเลือกชิมกันมากกว่า 500 ร้าน ยิ่งในวันที่มีแข่งเบสบอลที่สนาม Yokohama Stadium แล้วผู้คนที่ไชน่าทาวน์นี้จะมากเป็นพิเศษ ถึง เป็นหมื่นคนกันเลย





สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใน โยโกฮาม่า


1. พิพิธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Raumen Museum) จัดแสดงความเป็นมาของอาหารขึ้นชื่อของคนญี่ปุ่น อย่างราเมน เดินจากสถานี Shin Yokohama ประมาณ 5 นาที

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะโยโกฮาม่า (Yokohamo Museum of Art) เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานี Suway Minato-mirai

3. พิพิธภัณฑ์ Kanagawa Prefectural of Cultural History จัดแสดงประวัติความเป็นมาของท่าเรือโยโกฮาม่า วิถีชีวิตของคนในเมืองโยโกฮาม่า อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟซากุระกิโจ (Sakuragicho Station)

4. พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตา (Yokohama doll Museum) มีตุ๊กตาจากทั่วโลกมาจัดแสดงมากกว่า  9,800 ตัว  ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานี Suway Motomachi-Chukagai

5. พิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมมิตชูบิชิ (Mitsubishi Minatomirai Industrial Museum) แสดงเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมหนักของบริษัทมิตชูบิชิ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Suway Minato-mirai

6. พิพิธภัณฑ์แกงกะหรี่ (Yokohama Curry Museum) คล้ายกับพิพิธภัณฑ์ราเมน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Kannai

7. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โยโกฮาม่า (Yokohama History Museum) ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Suway Center-Kita


10 ที่พักแนะนำในเมืองโยโกฮามะ ญี่ปุ่น



ขอบคุณภาพประกอบจาก
siamkane.com ,commons.wikimedia.org ,radekshipmodels
themeparkreview.com ,thisopenroad.wordpress.com ,Hata3's Photo Haiku

สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก้

นิกโก้ มีใครรู้จักเมืองนี้บ้าง สำหรับคนที่ชอบสีสันและความทันสมัยแล้วคงไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลก แต่ความจริงแล้วเมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเลย สำหรับคนที่ชอบศิปละวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแล้วห้ามพลาด ลองดูก่อนเลยว่าเมืองนี้จะน่าสนใจขนาดไหน


นิกโก้

นิกโก้ (Nikko) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียวประมาณ 140 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองเล็กๆ ที่ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยเป็นเมืองนี้เป็นพื้นที่ของตระกูลโทกุกาว่า ตระกูลของโชกุนอิเอยะสุ ผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเอโดะให้กลายเป็นเมืองหลวงมาจนถึงปัจจุบัน วัดวาอารามศาลเจ้าหลายแห่งงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์จนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกหลายแห่ง ดังนั้นเมืองนิคโก้เลยกลายเป็นเมืองมรดกโลกไปเลย โดยเรียกว่า แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) เพราะสถานที่วัดศาลเจ้าจะอยู่ในระแวกเดียวกัน จนไม่ต้องเดินทางไปมาหลายที่ แค่ไป แหล่งมรดกโลกเท่านั้น ราคาค่าเข้าชมก็ขึ้นอยู่ว่าต้องการแบบไหนแล้วแต่สะดวกไม่ว่าจะ แบบเหมา หรือแบบแยก

แผนที่ นิกโก้






แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site)


แหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) บริเวณศาลเจ้าโทโชกุ หรือ National Park Nikko เมื่อไปถึงจะเจอซุ้มขายตั๋วเข้าชมมรดกโลกอยู่ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการว่าจะซื้อแบบเหมาหรือจะซื้อแบบแยกชมเฉพาะที่ก็ได้ แต่แบบเหมาจ่ายก็จะยกเว้นบริเวณ ภาพแกะสลักแมวหลับกับสุสานอิเอะยาสุเท่านั้นที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหนิดหน่อย เมื่อตัดสินใจได้ก็สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญได้เลย

สวน Shoyo-en (The Old Japanese Garden) 

สวน Shoyo-en (The Old Japanese Garden) ตั้งเยื้องซุ้มขายตั๋วตรงข้ามศาลาหลังใหญ่ของวัดรินโนจิ เป็นที่จัดและตกแต่งในแบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ด้านในร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่หลากหลายชนิด หากมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะได้เห็นใบไม้ที่เปลี่ยนสีไปทั่วทั้งสวน ดูสวยงามไปอีกแบบ ก่อนจะเข้าไปชมความสวยงามของวัดทีได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

ศาลาหลังใหญ่ Sanbutsu-do 

1. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วัดพุทธศาสนาในนิกายเทนได ศาลาหลังใหญ่ ศาลา Sanbutsu-do สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2191 โดย Jikaku-daishi ตามพระบัญชาของจักรพรรดินินเมอิ ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทอง สูงองค์ละ 8 เมตร คือ เจ้าแม่กวนอิมพันกร พระอมิตพุทธ และพุทธรูปม้าอยู่กลางพระนลาต ซึ่งเป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวเมืองนิคโก้ 

ศาลา Dai Gome-do (Holy Fire Temple) 

นอกจากนี้ด้านหลังศาลาใหญ่ก็มี ศาลา Dai Gome-do (Holy Fire Temple) ใช้เป็นหอสวดมนต์สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ด้านในพระพุทธรูปและรูปหล่อเทพเจ้าประดิษฐานอยู่ 30 องค์ 

เจดีย์ 5 ชั้น

2. ศาลจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) อยู่ถัดมาจากวัดรินโนจิ เมื่อเดินมาทางด้านซ้ายของประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ จะพบเจดีย์ 5 ชั้น สูง 34 เมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางเหล่าต้นสน ตัวเจดีย์มีลวดลายแกะสลักสัตว์ใน 12 ราศี ซึ่งประดับเอาไว้ด้านละ 3 ภาพ ตามตวามเชื่อในปฏิทินจีน

ศาลาไม้ที่มีรูปแกะสลักลิง 3 ตัว

ถัดจากเจดีย์ 5 ชั้นเดินเข้าประตูไปจะพบเสาโคมหิน เหล็กและสำริดตั้งเรียงรายที่ถูกสร้างเอาไว้เพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของท่านโชกุน ที่ศาลาไม้เก่าๆ นั้นมีรูปแกะสลักลิง 3 ตัว (Three Monkeys) ในอิริยาบท ปิดหู ปิดปาก ปิดตา  ซึ่งสื่อถึง “หากไม่สดับสิ่งชั่ว ไม่กล่าววาจาชั่ว และไม่ยลในสิ่งชั่ว อันตรายก็จะไม่มาหาเรา” นอกจากนี้ยังมีลิงในอิริยาบทต่างๆ อีกหลายตัวให้ได้ดูกัน

ประตูโยเมมง (Yomeimon Gate) 

จากนั้นให้เดินเข้าประตูโยเมมง (Yomeimon Gate) ซึ่งเป็นประตูใหญ่ทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ เป็นอีกหนึ่งความสวยงามจากผลงานการแกะสลักไม้อันวิจิตรตระการตาประดับไว้บนซุ้มประตู ไม่ว่าจะเป็นรูปสัตว์ รูปต้นไม้ รูปเด็ก โดยมีเสา 12 ต้นรองรับน้ำหนักเอาไว้

ประตูคารามง (Karamon Gate, Chinese Gate)

ถัดมาเป็นประตูเล็กเรียกว่าประตูคารามง (Karamon Gate, Chinese Gate) เป็นประตูก่อนถึงศาลเจ้าโทโชกุุ มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ประตูจีน" ด้วยลวดลายที่แกะสลักและภาพวาดแบบจีนบนซุ้มประตูที่สวยงามนั้นเอง แต่ประตูมีขนาดเล็กพอสมควรนักท่องเที่ยวจะต้องอ้อมไปทางด้านขวาของประตูแทน

ประตูทางขึ้นที่มีภาพแกะสลักแมวหลับ

ทางด้านขาวมือจากประตูใหญ่เป็นภาพแกะสลักแมวหลับ (Sleeping Cat) ซึ่งก็มีชื่อเสียงไม่แพ้ภาพลิง 3 ตัว จะอยู่บนซุ้มประตูทางขึ้นไปสุสานท่านอิเอะยาสุ ซึ่งเป็นตัวแทนของความร่มเย็นเป็นสุข เดินขึ้นมาตามทางเดินซึ่งเป็นบันไดประมาณ 200 ขั้น ที่อยู่ด้านหลังภาพแกะสลักแมวจะเป็นสุสานของทานโชกุนอิเอะยาสุ (Ieyasu's graveyard) ผู้ก่อตั้งเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงใหม่ (โตเกียว) ด้วยความเชื่อที่ว่าสิ่งชั่วร้ายจะมาทางทิศเหนือ ท่านจึงสร้างศาลเจ้าไว้ที่นิคโก้ด้วยเป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือ เพื่อให้ศาลเจ้าช่วยปกป้องเมืองเอโดะจากสิ่งชั่วร้าย

สุสานของทานโชกุนอิเอะยาสุ (Ieyasu's graveyard)

เมื่อออกกลับออกมาผ่านทางซุ้มประตูใหญ่โมเมมง ด้านขวาจะมีศาลาคุชิโด หรือเรียกว่าวัดฮอนจิ (Honji-do Temple) วัดพุทธที่ตั้งอยู่ในเขาศาลเจ้าในศาสนาชินโต เมื่อเข้าไปด้านในที่ด้านบนเพดานมีภาพวาดขนาดใหญ่เป็นรูป มังกรกำสรวด (Roaring Dragon) ที่ว่าร่ำไห้นั้นเป็นเพราะเมื่อเข้าไปยืนใต้มังกรปรบมือและสวดมนต์พร้อมกัน จะเกิดเป็นเสียงโหยหวนของมังกร ซึ่งสะท้อนภายในห้องโถงนั่งเอง

ศาลเจ้าฟูตาราซัน (Futarasan Shrine)

3. ศาลเจ้าฟูตาราซัน (Futarasan Shrine) เลี้ยวขวาเมื่อออกมาจากศาลเจ้าโทโชกุแล้ว เดินตามทางเรื่อยก็จะถึงประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาราซัน สร้างโดยโชกุนฮิเดะทาดะ เมื่อปี พ.ศ.2162 คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้านี้เป็นที่สถิตของเทพโอคุนินุชิ โนะ มิกิโตะ เทพทาโงริฮิเมะ โนะ มิกิโตะ และเทพอาจิสุคิตากะฮิโกเนะ โนะ มิกิโตะ เป็นเทพในครอบครัวเดียวกันซึ่งจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง

โคมปีศาจ (Phantom Lantern)

ที่หน้าอาคารศาลเจ้ามีโคมปีศาจ (Phantom Lantern) ที่ล้อมกรอบเอาไว้ด้วยรั้วสีแดง เพราะเชื่อว่าครั้งหนึ่งโคมได้กลายร่างเป็นปีศาจไล่อาละวาดชาวบ้านจนถูกซามูไรฟัน หากสังเกตดีๆ จะเห็นรอยดาบที่ตัวโคม

ประตูนิโอมง (Nio-mon Gate)

4. วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน (Iemitsu Taiyuin Temple) มีทางจากวัดฟูตาราซันเชื่อมถึงได้ เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่จะเห็นคือ วัดแฝด (Two Temple) โดยศาลาแรกเรียกว่า Jyogyo-do ตกแต่งเป็นศิลปะแบบญี่ปุ่น ส่วนอีกศาลาเรียกว่า Hokke-do ตกแต่งในแบบศิลปะจีน ถัดมาจะเป็นประตูนิโอมง (Nio-mon Gate) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าสุสานของวัดรินโนจิแห่งเมืองนิกโก้ (Nikko Mausoleum Rinnoji Taiyuin) ถัดมาด้านขวามือเป็นบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Fountain) ที่ใช้ชะรำร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าวัด

ประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate)

ถัดมาด้านขวามือเป็นบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Fountain) ที่ใช้ชะรำร่างกายและจิตใจให้สะอาดก่อนเข้าวัดด้านซ้ายจะเป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate) หรือ คามินามริม่อน (Kaminarimom Gate) ประตูสายฟ้าเหมือนที่วัดอะซากุสะในโตเกียว สองข้างประตูมีรูปปั้นเทพเจ้าสายฟ้าและเทพแห่งสายลมตั้งอยู่เหมือนกัน

ประตูยาชาม่อน (Yashamon Gate)

เมื่อขึ้นบันไดไปจะพบ ประตูยาชาม่อน (Yashamon Gate) ซึ่งทั้งสี่ทิศจะมีปีศาจเฝ้าประตูอยู่ 4 ตนและมีสีที่ไม่เหมือนกัน ลวดลายที่แกะสลักนั้นเป็นลายดอกโบตั๋น จึงเรียกประตูนี้ว่า ประตูดอกโบตั๋น (Peony Gate) อีกชื่อ

ประตูคาราม่อน (Karamon Gate)

ก่อนถึงศาลาหลังใหญ่ยังมีอีกประตูเล็กเรียกว่า ประตูคาราม่อน (Karamon Gate) ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้กันเลย

สุสานโชกุนอิเอะมิตสุ

 ผ่านไปจะเป็นศาลา Sanctuary ตกแต่งด้วยสีดำ แดง น้ำเงิน และทองล้อมด้วยรั้วไม้สีน้ำเงินดำ ดูเคร่งครึม จนถึงอาคารหลักของสุสานนี้ ที่ตกแต่งด้วยสีทองเหลืองอร่าม สวยงาม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระอนุสาวรีย์ของโชกุนอิเอะมิตสุ โชกุนรุ่นที่ 3 หลานชายของท่านอิเอะยาสุนั้นเอง

ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate)

ก่อนออกมายังมีประตูอีกหนึ่งประตูซึ่งอยู่ทางด้านข้าง คือ ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate) เป็นศิลปะแบบจีนสมัยราชวงศ์หมิง ที่มีเสาโคมทำด้วยสำริดสีเขียวสลับทองตั้งประดับอยู่ทั้งสองข้าง





สะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge)


สะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge)

จากจุดชมมรดกโลกเดินลงเขามาประมาณ 10 นาที จะถึงสะพานชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge) หรือสะพานอสรพิษคู่ สะพานโค้งสีแดงข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ตรงปากทางเข้าสู่แหล่งมรดกโลก ยาว 28 เมตร กว้าง 7 เมตร สูงจากระดับน้ำราว 10 เมตร สร้างจากไม้มีเสาหินรองรับน้ำหนัก ทาด้วยสีแดง เป็นสะพานที่ถือว่าสวยงามอีกแห่งของญี่ปุ่น หากอยากชมความงามใกล้ๆ ก็สามารถจ่ายค่าเข้าชม จากตรงนั้นก็สามารถขึ้นรถเมล์ไปทีอื่นต่อได้ หรือจะเดินไปที่สถานีรถไฟเจอาร์นิคโก้ ก็ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีเท่านั้น



10 ที่พักแนะนำในนิกโก้ ญี่ปุ่น



ขอบคุณภาพประกอบจาก
japan-guide.com ,bloggang.com ,NSA ,absolutjapon.com ,en.wikipedia.org
A couple of S ,muza-chan.net ,gssq.blogspot.com ,emagtravel.com