สถานที่ท่องเที่ยวในเซ็นได

เซ็นได เมืองน่าเที่ยวเมืองหนึ่งในญี่ปุ่น แต่เมื่อปี 2011 ได้เมืองแห่งนี้เจอกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่อย่างคลื่นยักษ์สึนามิที่สูงถึง 10 เมตรเข้าทำลายเมืองแห่งนี้จนได้รับความเสียหายมากมายส่งผลถึงการท่องเที่ยว แต่เพียงไม่นานเซ็นไดได้รับการฟื้นฟูและการท่องเที่ยวของเซ็นไดก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง จุดหมายครั้งนี้ขอนำเสนอเซ็นได จะน่าสนใจอย่างไรไปอ่านกันเลย





เซ็นได


เซ็นได (Sendai) ตั้งอยู่ในจังหวัดมิยากิ (Miyagi Ken) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ เดิมชื่อเมืองคือ มัตสึ (Mutsu) เมื่อตระกูลดาเตะเข้ามาปกครองจึงเปลี่ยนชื่อเป็น เซ็นได ที่แปลว่า พันชั่วคน เซ็นไดอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวราว 350 กิโลเมตร เซ็นไดได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ เนื่องด้วยถนนหลายสายปลูกต้นไม้เรียงเป็นแถวเขียวขจี เซ็นไดมีทำเลที่เหมาะกับการใช้เป็นที่พักสำหรับการไปเที่ยวเมืองอื่นๆ โดยรอบ รวมทั้งแวะพักระหว่างจะไปหรือกลับจากฮอกไกโด ด้วยมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่หลากหลายและคุ้มค่ากว่าเมืองอื่นๆ

แผนที่เซ็นได





สุสานซุยโฮเด็ง (Zuihoden)


สุสานซุยโฮเด็ง (Zuihoden)

สุสานซุยโฮเด็ง (Zuihoden) เป็นสุสานของท่านดาเตะ มาซามุเนะ ไดเมียวผู้สร้างเมืองเซ็นได ตัวสุสานมีอาคารสร้างครอบไว้ ซึ่งตัวอาคารนั้นมีความสวยงามด้วยลวดลายที่วิจิตรสวยงามซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโมโมยามะ ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้างๆ กันมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสมบัติที่ขุดพบในหลุมฝังศพ อาทิ หมวก กระบี่ เครื่องประดับ เป็นต้น ไม่ไกลมากนักสามารถเดินไป สุสานเซ็นโนเด็ง (Zennoden) สุสานของท่านดาเตะ ซึนามุเนะ และสุสานคันเซ็นเด็ง (Kansenden) สุสานของท่านดาเตะ ทาดะทุเนะ ผู้ปกครองเมืองเซ็นได รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ซึ่งสุสานทั้งสองแห่งก็มีความสวยงามไม่แพ้สุสานซุยโฮเด็งเลย





ปราสาทเซ็นได (Site of Sendai Castle)


ศาลเจ้าโกโคคุ (Gokoku Shrine)

ปราสาทเซ็นได (Site of Sendai Castle) หรือปราสาทอาโอบะ (Aobajo) แปลว่าปราสาทใบไม้สีเขียว ปราสาทสร้างขึ้นบนยอดเขาอาโอบะ เมื่อไดเมียวดาเตะ มาซามุเนะ ได้ย้ายมาจากเมืองอิวาเดะยามะ โดยมองว่าที่นี่เหมาะกับการเป็นฐานที่มั่นในการปกครองเมืองซึ่งยาวนานถึง 270 ปี จนเมือตระกูลดาเตะล่มสลายพร้อมกับการปกครองในระบบศักดินาถูกทำลายตัวปราสาทก็ถูกทำลายลงไปด้วย ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงหินสูงบางส่วน เมื่อผ่านประตูเข้ามาจะพบกับตรอกพิพิธภัณฑ์ของปราสาทและร้านค้าขายของฝากเข้ามาอีกมีศาลเจ้าโกโคคุ (Gokoku Shrine) ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้สละชีวิตในช่วงสงคราม

อนุสาวรีย์ท่านไดเมียวดาเตะ ซามามุเนะ

แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมชมอนุสาวรีย์ของท่านไดเมียวตาเดียวในท่าขี่ม้าถือดาบสวมหมวก ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินปราสาท ซึ่งเมื่อสมัยวัยเด็กท่านเป็นโรคฝีดาษแล้วแผลลามเข้าตา ด้วยความใจเด็ดของท่านจึงควักตาออกด้วยมือของตัวเอง รวมทั้งท่านยังเป็นไดเมียวฝีมือเอกผู้รับใช้โชกุนฮิเดะโยชิและโชกุนอิเอยาสึ จากตำแหน่งที่ตั้งของอนุสาวรีย์ของท่านเมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์เซ็นไดได้ทั้งเมือง และวิวแม่น้ำฮิโรเสะ (Hirose River) อยู่เบื้องหน้า





ศาลเจ้าโอซากิ ฮะจิมังกุ (Osaki Hachimangu Shrine)


ศาลเจ้าโอซากิ ฮะจิมังกุ (Osaki Hachimangu Shrine)

ศาลเจ้าโอซากิ ฮะจิมังกุ (Osaki Hachimangu Shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความประสงค์ของท่านมาซามุเนะ เพื่อให้เป็นศาลเจ้าที่ปกปักษ์คุ้มครองเมืองเซ็นได โดยรวบรวมศิลปินจิตรกรฝีมือดีในยุคนั้นมาร่วมกันสร้างศาลเจ้า ซึ่งถือเป็นต้นแบบของศิลปะที่ใช้กับสุสานของท่านดาเตะ มาซามุเนะ ด้วย ชาวเมืองเซ็นไดมักจะมาขอพรจากศาลเจ้าแห่งนี้ 

ซุ้มประตูโทริอิหน้าศาลเจ้า

ซึ่งอาคารศาลเจ้านั้นหลังคาจะเป็นสีดำ ประดับด้วยทอง และสีสันอื่นๆ จนมองแล้วกลายเป็นเสน่ห์ของศิลปะแบบยุคตระกูลดาเตะที่สวยงามน่ามองแตกต่างศาลเจ้าอื่นๆ ในญี่ปุ่น หากสังเกตตัวหนังสือชื่อศาลเจ้าที่บนซุ้มประตูโทริอิ ตัวอักษรด้านบนสุดจะดูคล้ายนกสองตัวแม่ลูกหันหน้าเข้าหากัน ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติแล้ว
 



เซ็นไดมีเดียเธค (Sendai Mediatheque)


เซ็นไดมีเดียเธค (Sendai Mediatheque)

เซ็นไดมีเดียเธค (Sendai Mediatheque) เป็นอาคารที่ทันสมัยมีตั้งอยู่บนถนนโจเซ็นจิ (Jozenji-dori) มีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้น 2-4 เป็นห้องสมุดสมัยใหม่ เพราะสามารสืบค้นข้อมูลได้จากสื่ออิเล็กทรอนิคส์สมัยใหม่ ส่วนที่ชั้น 5-6 เป็นห้องแกลเลอรี่ เอาไว้จัดแสดงงานศิลปะและนิทรรศการต่างๆ และที่ชั้น 7 เป็นสตูดิโอผลิตสื่อวิดีทัศน์และภาพยนตร์ ที่ชั้น 1 เป็นพื้นประกอบกิจกรรมของชาวเมือง เซ็นไดมีเดียเธค จึงถือได้ว่าเป็นสมบัติของชาวเมืองเซ็นได





ถนนโจเซ็นจิ (Jozenji-dori)


ถนนโจเซ็นจิ (Jozenji-dori)

ถนนโจเซ็นจิ (Jozenji-dori) อยู่ทางเหนือของตัวเมือง เป็นถนนกว้างที่สองข้างทางของถนนนี้เต็มไปด้วยต้นเคยากิหรือเซลโควา ทำให้ท้องถนนดูเขียวขจี บรรยากาศร่มรื่นชวนเดินเล่น ตรงกลางถนนก็มีงานปฏิมากรรมบรอนซ์ตั้งให้ชมเป็นระยะๆ นอกจากถนนเส้นนี้แล้ว ถนนในเมืองเส้นอื่นๆ ก็เขียวขจีด้วยต้นไม้แบบนี้เหมือนกัน เมืองเซ็นไดจึงได้ชื่อว่าเมืองแห่งต้นไม้ นักท่องเที่ยวและผู้คนในเมืองมักจะออกมาเดินเล่นและถ่ายรูปเก็บบรรยากาศที่สวยงามไว้





วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)


วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)

วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1984 ที่ยานากาว่า จังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งดาเตะ โมชิมุเนะ ได้ปกครองเมืองนั้นอยู่ จนเมืองดาเตะ มาซามุเนะ ได้ย้ายมาปกครองเมืองเซ็นได จึงได้ย้ายวัดแห่งนี้มาด้วย โดยตั้งไว้บนเนินเขาด้านเหนือของเมือง เมื่อ พ.ศ.2145 เป็นวัดในนิกายเซนและเป็นวัดประจำตระกูลดาเตะ บริเวณภายในวัดมี พระพุทธรูปหิน ศาลาชงชาและสวนญี่ปุ่นแบบเซน เจดีย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมสระน้ำ จากสถานีรถไฟเจอาร์คิตะยามะ เดินตามทางมาราว 20 นาทีจะถึงประตูทางเข้า เรียกว่า ประตูเดยะ (Deya Gate) สองข้างทางเดินไปยังตัววัดมีพระพุทธรูปหินประดับไว้ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ





สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเซ็นได


1. Sendai City Museum ภายในจัดแสดงสมบัติของตระกูลดาเตะ ที่ตกทอดมาจำนวนมากถึง 80,000 ชิ้น หลายชิ้นถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติสำคัญของชาติ

2. Tohoku University Botanic Gardens สวนพฤษศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโทโฮกุ มีพันธุ์ไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ สวนนกและสวนสัตว์เล็กๆ ให้ชม

3. Museum of Natural History, Tohoku University พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยาของมหาวิทยาลัยโทโฮกุ จัดแสดงผลงานการวิจัยและศึกษาความเป็นไปของธรรมชาติ

4. The Miyagi Museum of Art เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะของจังหวัดมิยากิ มีผลงานศิลปะของศิลปินทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกจำนวนมากกว่า 4,000 ชิ้นจัดแสดงให้ชม

5. ตึก AER เป็นตึกที่สูงที่สุดในเซ็นได อยู่ทางด้านเหนือของสถานีเจอาร์เซ็นได ภายในตึกมีร้านค้าและร้านอาหาร สามารถขึนไปจุดชมวิวที่ยังชั้น 31 ได้ฟรี




จองโรงแรมใน เซนได มัตสึชิมะ กับผู้ให้บริการที่คุณไว้วางใจ
พร้อมส่วนลดสูงสุด 10 - 70%
เช็คห้องว่างและคอนเฟิร์มได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง
 





ขอบคุณภาพประกอบจาก
mappery.com ,Snuffy ,en.japantravel.com ,commons.wikimedia.org
alafista.com ,kubo.rift.mech.tohoku.ac.jp ,japan-guide.com

สถานที่ท่องเที่ยวในมัตสึชิม่า

มัตสึชิม่า เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2011 แต่เมืองมัตสึชิม่าก็ยังคงความสวยงามเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถึงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับความเสียหายแต่กูถูกบูรณะฟื้นฟูให้กลับมาสวยงามและค่อยต้อนรับนนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง นี่จึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ควรลองไปสักครั้งเพื่อพิสูจน์ถึงความสวยงามหลังการทำลายล้างของธรรมชาติ





มัตสึชิม่า


มัตสึชิม่า (Matsushima) เป็นเมืองทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเซ็นได อ่าวมัตสึชิม่าได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 ดินแดนที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ที่มีเกาะน้อยใหญ่อยู่ถึง 300 เกาะ เมื่อ พ.ศ. 2554 ก็เป็นอีกเมืองที่ได้รับความเสียหายจากสึนามิ สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเสียหาย แต่ทางการและชาวเมืองก็บูรณะฟื้นฟูจนกลับมาสวยงามดังเดิมได้อีกครั้ง

แผนที่มัตสึชิม่า





เกาะโอชิม่า (Oshima Island)


เกาะโอชิม่า (Oshima Island)

เกาะโอชิม่า (Oshima Island) เป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวจะแวะเวียนมาเสมอ มีสะพานข้ามไปยังเกาะที่ทอดจากฝั่งยาวประมาณ 20 เมตร เป็นสะพานสีแดงที่มีชื่อว่า โทเงทสึเคียว สมัยก่อนเกาะโอชิม่าเป็นที่หลบภัยของนักบวช ที่บนเกาะนี้มีถ้ำหินเจาะเป็นโพรงทั้งเล็กและใหญ่จำนวนกว่า 50 แห่ง มีพระพุทธรูปหินประดิษฐานอยู่ ภายในถ้ำบางถ้ำเป็นสถูปหรือเจดีย์หิน เดิมทีมีถ้ำอยู่ถึง 108 ถ้ำ





พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมารีเพียร์ มัตสึชิม่า (Marinepia Matsushima Aquarium)


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมารีเพียร์ มัตสึชิม่า (Marinepia Matsushima Aquarium)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมารีเพียร์ มัตสึชิม่า (Marinepia Matsushima Aquarium) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2470 ที่นี่มีพันธุ์ปลาถึง 400 สายพันธุ์ มีปลานำเข้ามาจากทั่วโลกมากกว่า 8,000 ตัว ถึงจะเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ไม่ทันสมัยเหมือนที่เปิดใหม่ แต่ก็มีโชว์ปลาโลมา สิงโตทะเลและแมวน้ำเหมือนสัตว์น้ำแห่งอื่นๆ





ศาลาชมจันทร์คันรันเต (Kanrantei)


ศาลาชมจันทร์คันรันเต (Kanrantei)

ศาลาชมจันทร์คันรันเต (Kanrantei) เป็นเรือนพิธีชงชา ในอตีดเป็นเรือนพักผ่อนของดาเตะ มาซามุเนะ ที่ได้รับมอบมาจากโชกุนโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ด้วยบรรยากาศของอ่าวมัตสึชิม่าที่สวยงามทำให้เรือนหลังนี้ถูกใช้เป็นศาลาชมจันทร์ของดาเตะ มาซามุเนะ ตัวเรือนนั้นเป็นสถาปัตยกรรมแบบโมโมยามะ ศาลาชมจันทร์หลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของจังหวัดมิยากิแล้ว





ศาลเจ้าโกไดโด (Godaido Shrine)


ศาลเจ้าโกไดโด (Godaido Shrine)

ศาลเจ้าโกไดโด (Godaido Shrine) แห่งมัตสึชิม่า ถูกสร้างในปี พ.ศ.1350 ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าถึง 5 องค์ แต่หลังที่เห็นกันในปัจจุบันดาเตะ มาซามุเนะได้สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2147 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมโมยามะ สร้างด้วยไม้ มีระเบียงทั้งสี่ด้าน ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอไม่ขาดสายด้วยไปถึงได้ง่ายและไม่เสียค่าเข้าชม การข้ามไปศาลเจ้าจะมีสะพานช่วงสั้นๆ 3 ช่วง สองช่วงก่อนถึงศาลเจ้าเรียกว่า ซึคาชิบาชิ สร้างจากไม้ เว้นช่องระหว่างไม้กระดาน เมื่อเดินข้ามจะมองเห็นพื้นน้ำด้านล่าง มักมีคู่รักมาจูงเมื่อข้ามสะพานเพราะเชื่อว่า จะทำให้สานสัมพันธ์แห่งรักแนบแน่นยิ่งขึ้น





เกาะฟุคุอุระจิม่า (Fukuurajima)


เกาะฟุคุอุระจิม่า (Fukuurajima)

เกาะฟุคุอุระจิม่า (Fukuurajima) มีสะพานสีแดงข้ามไปยังบนเกาะ สะพานนี้ยาวราว 252 เมตร คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ถ้าเดินข้ามสะพานนี้จะทำให้พบเจอคนที่คิดถึง หรือถ้าคู่รักเดินจูงมือกันเข้าไปก็จะทำให้รักกันมากขึ้น บนเกาะมีทางเดินชมทิวทัศน์รอบเกาะที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์  บนเกาะมีพันธุ์ไม้กว่า 300 ชนิด เกาะฟุคุอุระจิม่าเป็นเกาะที่เงียบสงบ และมีขนาดใหญ่กว่าเกาะโอชิม่า หากจะเดินชมรอบเกาะอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง





วัดซึยกันจิ (Zuiganji Temple)


วัดซึยกันจิ (Zuiganji Temple)

วัดซึยกันจิ (Zuiganji Temple) สองข้างทางที่เดินเข้าไปยังวัดแห่งนี้นั้นปลูกต้นสนไว้เยอะจนเขียวครึ้มสบายตาทั้งยังสวยงาม เดิมวัดซึยกันจิมีชื่อว่า วัดเอ็นปุคุจิ (Enpukuji Temple) ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1371 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเมื่อดาเตะ มาซามุเนะ ได้ปฏิสังขรณ์ใหม่ เมื่อ พ.ศ.2152 ใช้เวลาถึง 5 ปีถึงแล้วเสร็จ ตัวศาลาหลังใหญ่ ทำจากไม้ มีระเบียงโดยรอบเป็นสถาปัตยกรรมแบบโมโมยามะที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีอาคารอยู่รายรอบศาลาหลังใหญ่อีกหลายหลัง ทั้งยังมีหน้าผาหินขนาดใหญ่ที่ตั้งขนานกับทางเดินเข้าวัดที่ถูกเจาะเป็นถ้ำซึ่งใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม ที่มีผู้คนแวเวียนไปกราบไหว้ขอพร





พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดาเมะ มาซามุเนะ (Date Masamune Historical Museum)


พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดาเมะ มาซามุเนะ 
(Date Masamune Historical Museum)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดาเมะ มาซามุเนะ (Date Masamune Historical Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติของดาเตะ มาซามุเนะ ไดเมียวผู้ครองเมืองคนแรก เป็นผู้พัฒนาเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรือง ในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงฉากสำคัญของชีวิตของท่าน โดยใช้หุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริง จำนวนถึง 200 หุ่นในการจำลองฉากต่างๆ





พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีมัตสึชิม่า (Matsushima Music Box Museum)


พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีมัตสึชิม่า (Matsushima Music Box Museum)

พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีมัตสึชิม่า (Matsushima Music Box Museum) ที่นี่จัดแสดงกล่องดนตรีที่ได้รับมอบมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเบลเยี่ยม จำนวน 134 ชิ้น ทั้งกล่องดนตรีคอนเสิร์ต (Concert Oegel) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 7 เมตร กว้าง 9 เมตร อายุมากกว่า 200 ปี ใช้โน๊ตเพลงเป็นกระดาษเจาะรู หรือจะเก้าอี้ดนตรี (Orgel Chair) ซึ่งนั่งแล้วมีเสียง เป็นที่นิยมในราชสำนักสมัยกลางในยุโรป นอกจากนี้ยังมีกล่องดนตรีจำหน่ายด้วย



จองโรงแรมใน เซนได มัตสึชิมะ กับผู้ให้บริการที่คุณไว้วางใจ
พร้อมส่วนลดสูงสุด 10 - 70%
เช็คห้องว่างและคอนเฟิร์มได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง
 


l

ขอบคุณภาพประกอบจาก
Map of Japan ,japan-guide.com ,matome.naver.jp ,ja.wikipedia.org
profundidad.net ,gojapango.com ,miyagitheme.jp

สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า

โอซาก้า ถือเป็นเมืองการค้าและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน แต่ก็ยังเป็นเมืองวัฒนธรรมด้วย ดูได้จากสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองที่ มีทั้งย่านบันเทิงย่านการค้าแบบโตเกียว แต่ก็ยังคงมี ปราสาท วัด ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงให้ได้ศึกษาและเที่ยวชมหลายแห่ง จึงไม่แปลกใจเลยว่า หากคิดจะไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ไปเที่ยวโอซาก้าแล้วจะน่าเสียดายขนาดไหน



โอซาก้า


โอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตคันไซ และเป็นเมืองที่ใหญ่มาเป็นอันดับ 2 รองมาจากโตเกียว ที่โอซาก้าแห่งนี้เป็นทั้งศูนย์กลางการค้า อุตสาหกรรมและเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ชั้นนำหลายบริษัท ทำให้มีประชากรมากตามไปด้วย ดังนั้นในโฮซาก้านี้จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายด้วยเช่นกัน


แผนที่โอซาก้า





ย่านอุเมดะ (Umeda)


ย่านอุเมดะ (Umeda) จะคล้ายกับย่านชินจูกุในโตเกียว  เพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทาง รถไฟสารพัดสายจะตั้งต้นและวิ่งผ่านสถานีบริเวณนี้ ใหญ่ที่สุดจะเป็นของ JR Osaka ส่วน Subway และรถไฟเอกชนจะใช้ชื่อเหมือนกันว่า Umeda แต่ทุกสถานีมีทางเดินที่สามารถเดินถึงกันได้ บริเวณนี้เรียกว่า เมืองใหม่อุเมดะ "New Umeda City" เป็นแหล่งช้อปปิ้งแห่งหนึ่ง ร้านค้ามากมายให้ได้เดินเลือกซื้อกันจนเพลินแต่ก็มีอีกหลายที่ที่น่าสนใจในย่านอุเมดะนี้

ตึก Umeda Sky Building

1. Umeda Sky Building ตึกสูงที่มีจุดชมวิวอยู่ที่ชั้น 39 เรียกว่า "The Floating Garden Observatory" ที่ดาดฟ้าตรงที่เป็นรูปวงกลมเป็นส่วนที่ขึ้นไปชมวิวได้โดยไม่มีอะไรปิดบัง โดยต้องไปขึ้นที่ตึกทางด้านขวา ขึ้นไปด้วยลิฟต์และต่อด้วยบันไดเลื่อนยาวด้านเปิดโล่ง ให้ได้เสียวเล่นกันเล็กน้อย เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนจะพบกับวิวของโอซาก้าได้ทั้งเมือง

HEP FIVE

2. HEP FIVE ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ แถมด้านบนของตึกยังมีชิงช้ายักษ์อยู่ที่ดาดฟ้าอีกด้วย ซึ่งชิงช้านี้สูงถึง 106 เมตรเลย HEP FIVE ถือว่าเป็นศูนย์การค้าที่รวมแฟนชั่นที่กำลังอินเทรนด์ โดยเฉพาะแฟชั่นของบรรดาวัยรุ่น หากอยากรู้ว่าเหล่าวัยรุ่นโอซาก้าแต่งตัวกันยังไงต้องมาที่นี่ ข้างๆ กันมีทางขึ้นไปที่สวนสนุกในร่ม Umeda Joypolis ที่มีเครื่องเล่นทุกอย่าง ทุกประเภท





ศาลเจ้าเท็มมังงุ (Temmangu Shrine)


ศาลเจ้าเท็มมังงุ (Temmangu Shrine)

ศาลเจ้าเท็มมังงุ (Temmangu Shrine) ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของเมืองโอซาก้า สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.1492 แต่อาคารที่เห็นกันในปัจจุบันสร้างขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2388 รอบๆ อาคารมีโคมฟ้าสีแดงห้อยระย้าดูสวยงาม เมื่อถึงเทศกาลเท็นจิน (Tenjin Festival) ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีขบวนแห่เทพเจ้าที่มีคนเข้ารวมขบวนนับพันคน





สวนซากุระริมฝั่งแม่น้ำ (Kema Sakuranomiya Park And Nakanoshima Park)


Kema Sakuranomiya Park

อยู่ตรงริมฝั่งแม่น้ำโอกาวะ (Okawa River) ซึ่งสองริมฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยสองซากุระทั้งสองฝั่งเมื่อถึงฤดูซากุระบาน ที่สวนสาธารณะนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Park) เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ต้นซากุระก็จะยิ่งมากขึ้น ระหว่างทางก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณ์ (Mint Museum) ที่สวนสาธารณะเคมะ ซากุระโนมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) นั้นเป็นจุดที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาชมซากุระ หากได้ลองเดินไปที่สะพานแขวนข้ามแม่น้ำจะสามารถมองเห็นสวนซากุระได้ไกลสุดสายตา สวยงามจนต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกเลย





ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)


ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นสัญญาลักษณ์ของเมืองโอซาก้า สร้างในปี พ.ศ.2126 โดยโชกุนโทโยะโตมิ ฮิเดโยชิ ร่วมด้วยไดเมียวทั่วประเทศเกณฑ์แรงงานหลายหมื่นคนเพื่อสร้างปราสาทแห่งนี้และเสร็จภายในเวลา 3 ปี แต่เมื่อโชกุนโทกุกาว่า อิเยยะสุ เมื่อมีอำนาจได้ทำลายลงแต่ด้วยรากฐานที่แข็งแรงก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายหน จนเมื่อ พ.ศ.2540 จึงแล้วเสร็จ เป็นปราสาทที่ทันสมัย ภายในมีลิฟท์ที่สามารถขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้

สวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden)

ปราสาทโอซาก้ามีทั้งหมด 8 ชั้น ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของปราสาท เป็นการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ละชั้นจัดแสดงเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป ชั้นบนสุดมีระเบียงโดยรอบให้ได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้า ที่สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำโอกาวะ  เมื่อมองลงไปด้านล่างของปราสาทก็มีทั้งสวนซากุระ สวนพลัม คูน้ำ ที่ดูสวยงามชวนมอง รอบๆ บริเวณปราสาทก็ยังมีสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) ที่มีต้นซากุระให้ได้ชม





ย่านชายฝั่งอ่าวโอซาก้า (Osaka Port)


ท่าเรือโอซาก้า (Osaka Port) อยู่ทางด้านตะวันออกของตัวเมือง เป็นพื้นที่ของแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนมากคนจะนิยมไปเที่ยวที่ ย่านเท็มโปซาน และสวนสนุกยูนิเวอร์แซล แต่ก็ใช่ว่าส่วนอื่นจะไม่มีที่ให้ได้เที่ยว

พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์โอซาก้า (Osaka Maritime Museum)

1. พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์โอซาก้า (Osaka Maritime Museum) เป็นอาคารรูปโดมกระจกลอยอยู่ในทะเล ภายในโดมมีทั้งหมด 4 ชั้น โดยการชมพิพิธภัณฑ์จะเริ่มต้นที่ชั้น 4 เดินตามเข็มนาฬิกาลงมา โดยจะมีรูปเรือสำเภาโบราณครึ่งท่อนตั้งแสดงอยู่ด้วย พิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงเรื่องราวของท่าเรือโอซาก้าตั้งแต่สมัยเอโดะ จนถึงปัจจุบันที่ท่าเรือโอซาก้าได้กลายเป็นท่าเรือที่ทันสมัยอีกแห่ง

Asia and Pacific Trade Center : ATC

2. ศูนย์สรรพสินค้า Asia and Pacific Trade Center : ATC ทำตัวอาคารแบบยาวๆ เป็นศูนย์ค้าส่งค้าปลีกสำนักงานของบริษัทนำเข้าส่งออก อีกทั้งยังมีร้านค้าเสื้อผ้าแบรนด์เนมตั้งอยู่ถึง 70 ร้าน รวมทั้งร้านอาหารนานาชาติด้วย

World Trade Center : WTC

3. จุดชมวิวที่ World Trade Center : WTC ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์สูงถึง 252 เมตร เป็นศูนย์สรรพสินค้าและที่ตั้งของสำนักงานบริษัทต่างๆ จุดชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 55





เท็มโปซาน (Tempozan harbor Village)


เท็มโปซาน (Tempozan harbor Village) เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ควรมาสักครั้ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

Tempozan Market Place

1. Tempozan Market Place ช้อปปิ้งมอลล์ที่มีร้านค้ามากมาย และมีศูนย์อาหารที่ทันสมัย ที่ชั้นล่างมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเมืองโอซาก้า ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่สูงถึง 112 เมตร

Osaka Aquarium (Kaiyukan)

2. Osaka Aquarium (Kaiyukan) โลกใต้ทะเลไคยุคัง ที่นี้รวบรวมเอาสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดไว้ให้ดูกัน ไม่ว่าจะเป็น ฉลามวาฬ นกเพนกวิน แมวน้ำ และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะกระจายอยู่ภายในที่มีทั้งหมดถึง 8 ชั้น

พิพิธภัณฑ์ซันทอรี่ (Suntory Museum)

3. พิพิธภัณฑ์ซันทอรี่ (Suntory Museum) ตั้งอยู่ข้างๆ สวนสัตว์น้ำ เป็นหอจัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะที่มีชื่อเสียงมีโรงภาพยนตร์ IMAX ฉายภาพยนตร์ 3 มิติจอยักษ์ 20x28 เมตร นอกจากนี้ยังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ภัตตาคาร Sky Lounge และร้านขายขอที่ระลึก Museum Shop





สวนสนุกยูนิเวอร์แซล (Universal Studio Japan)


สวนสนุกยูนิเวอร์แซล (Universal Studio Japan) 

สวนสนุกยูนิเวอร์แซล (Universal Studio Japan) ตลอดทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านเกม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เมื่อเดินมาเรื่อยๆ จะเจอลูกโลกยักษ์สัญลักษณ์ตั้งอยู่ ภายในสวนสนุกจะแบ่งออกเป็นโซนเหมือนสวนสนุกอื่นๆ ได้แก่

1. เมืองฮอลลีวู้ด (Hollywood) โซนนี้มีโรงภาพยนตร์ 4 มิติอยู่ 2 โรง ที่ผู้เข้าชมจะสัมผัสได้ทั้ง ภาพ กลิ่นและสั่นสะเทือน มีการแสดง Monsters Live Rock and Roll Show เป็นการแสดงดนตรีของเหล่าปีศาจ มนุษย์หมาป่า ผีดิบ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ อีกหลายอย่างด้วย

2. เมืองนิวยอร์ค (New York) บรรยากาศคล้ายเมืองนิวยอร์คในศตวรรษที่ 1930 ถนนหนทางจำลองฉากในภาพยนตร์ดัง มีโรงภาพยนตร์ 3 มิติ สิ่งน่าสนใจมากของโซนนี้คือขบวนพาเหรด Happy Harmony Celebration-Dream of Friends ของบรรดาตัวการ์ตูนจากเรื่องต่างๆ

3. ซานฟรานซิสโก (San Francisco) เมืองที่สร้างขึ้นในบรรยากาศเมืองท่าริมทะเล มีเครื่องเล่นจากภาพยนตร์เรื่องเจาะเวลาหาอดีต (Back To The Future-The Ride) และ Backdraft โซนนี้มีร้านอาหารริมทะเลให้เลือกหลายแห่ง

4. จูราสสิคปาร์ค (Jurassic Park) บรรยากาศป่าแบบยุคสัตว์โลกล้านปี มีเครื่องเล่น Jurassic Park-The Ride จากภาพยนตร์จูราสสิคปาร์ค ซึ่งเราต้องนั่งเรือเข้าไปในดินแดนของไดโนเสาร์

5. วอเตอร์เวิลด์ (Waterworld) การแสดงจากภาพยนตร์เรื่องวอเตอร์เวิลด์ โลกอนาคตที่มีแต่ผืนน้ำ เป็นการแสดงผาดโผนและฉากแอ็คชั่นในน้ำโดยใช้สเปเชียลเอฟเฟ็กซ์ที่สนุก

6. Amity Village มีของเล่น JAWS ที่ต้องลงเรือหนีการไล่ล่าและต่อสู้กับฉลามร้าย ถึงจะหนีได้แต่รับรองว่าต้องได้เปียกกันทุกคน

7. Snoopy Studios ที่จะเป็นของเล่นน่ารักที่เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Snoopy's Sound Stage Adventure, Snoopy's Great Race, Snoopy's Playland และ Peppermint Patty's Stunt Slide

8. Land Of Oz ดินแดนแห่งเวทมนตร์และคำสาปของแม่มดใจร้าย ที่นี่มีการแสดง Wicked และ Toto & Friends





ย่านนัมบะ (Namba) 


ย่านนัมบะ (Namba) ตั้งอยู่กลางเมืองโอซาก้า เป็นศูนย์รวมของทุกอย่าง ไม่จะเป็นแหล่งช้อปปิ้ง สถานที่ให้ความบันเทิง ไม่ว่าจะ ดื่มกิน โรงละคร และอื่นๆ อีกมากมาย

มิโดซุจิ (Midosuji)

1. มิโดซุจิ (Midosuji) ถนนสายแบรนด์เนม จากสถานี Shinsaibashi ลงมาตามถนน Midosuji จนถึง America-Mura เป็นแหล่งของสินค้าแบรนด์เนมที่ตั้งร้านเรียงรายภายในอาคารหรู

อเมริกามูระ (America-Mura)

2. อเมริกามูระ (America-Mura) ถนนเล็กๆ จากตึกของบริษัทแอปเปิ้ลเข้าไป จะเห็นหุ่นโจ๊กเกอร์และธงชาติสหรัฐตั้งอยู่บนตึกหน้าร้าน Tom's House มีร้านขายเสื้อผ้า รองเท้าแบบตะวันตก รวมทั้งผับบาร์หลากสไตล์ ตรงบริเวณลานหน้าร้านแมคโดนัลด์คือจุดนัดพบของบรรดาวัยรุ่น

ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)

3. ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ถนนแห่งการช้อปปิ้ง เป็นถนนคนเดินในร่มตั้งแต่ตึก SONY Town สิ้นสุดที่ฝั่งคลองโดทงโบริ มีร้านอาหารตั้งอยู่มากมาย รวมทั้งร้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งก่ายก็ทั้งเรียงรายตกแต่งร้านสวยสะดุดตาจนต้องเข้าไปดูจะปะปนไปกับบรรดาห้างร้านใหญ่เหมือนย่านอื่นๆ

โดทงโบริ (Dotonbori)

4. โดทงโบริ (Dotonbori) อยู่สุดถนนชินไซบาชิ ทั้งสองฝั่งคลองมีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ของแต่ละที่ติดตั้งอยู่แต่ที่โดดเด่นและคนรู้จักมากก็คือป้ายโฆษณาขนนกลูลิโกะ ถือเป็นจุดถ่ายรูปหนึ่งที่ได้รับความนิยม ย่านนี้ถือเป็นสีสันหนึ่งเลยของโอซาก้าที่ไม่ควรพลาด เดินเรียบคลองไปเรื่อยๆ จะเจอชิงช้าสวรรค์ที่มีรูปร่างต่างจากชิงช้าทั่วไป ที่ Ebisu Plaza

เด็นเด็นทาวน์ (Den-Den Town) 

5. เด็นเด็นทาวน์ (Den-Den Town) เมืองอิเล็กทรอนิคส์ จากสี่แยกสถานี Nipponbashi ลงมาทางใต้ สองฝั่ถนนของเด็นเด็นทาวน์เป็นร้านค้าขายสินค้าอิเล็กทรนิคส์ ไม่ว่าจะ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป ของเลน และอื่นๆ ซึ่งมีร้านค้างตั้งเรียงรายกว่า 300 แห่ง





ย่านเท็นโนจิ (Tennoji)


ย่านเท็นโนจิ (Tennoji) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า ที่นีมาสถานที่น่าท่องเที่ยวอยู่หลายแห่งทั้งวัดเก่าแก่ที่สุดของโอซาก้า สวนสัตว์ สวนสาธารณะเท็นโนจิ ซึ่งอยู่บริเวรใกล้ๆ กับสถานี Tennoji  ย่านเท็นโนจินี้ยังมีออนเซ็นกลางเมืองอย่าง SPA World อีกด้วย

หอคอยซึเท็นกะกุ (Tsutenkaku Tower)

1. หอคอยซึเท็นกะกุ (Tsutenkaku Tower) สามารถเดินต่อมาจากเด็นเด็นทาวน์ได้ หากมาในยามค่ำคืน หอคอยแห่งนี้จะเปิดไฟแสงสีสลับเปลี่ยนไปมาดูสวยงาม หอคอยที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นมาใหม่ของเดินนั้นเสียหายไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บนยอดหอคอยจะมีสีคอยบอกสภาพอากาศในวันนั้นๆ ด้วย และด้านบนสุดเปิดเป็นจุดชมวิวสามารถขึ้นไปชมกันได้

Festival Gate

2. Festival Gate สวนสนุกในห้าง เป็นสวนสนุกในร่มและห้างสรรพสินค้าที่มีทั้งโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ร้านค้า

SPA World

3. ออนเซ็นกลางกรุง SPA World ให้บริการบ่ออาบแบบญี่ปุ่น มีทั้งบ่อน้ำแร่ ห้องซาวน่า สระว่ายน้ำ สถานที่เสริมความงามและกิจกรรมด้านสุขภาพ

วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)

4. วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองโอซาก้าและของญี่ปุ่น สร้างตั้งแต่ พ.ศ.1136 จึงมีอายุมากกว่า 1,400 ปี แต่สิ่งก่อสร้างที่เห็นปัจจุบันนั้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยใช้สถาปัตยกรรมยุคอาซุกะ




โปรโมชั่นโรงแรมที่พักในโอซาก้า ญี่ปุ่น by Agoda

10 ที่พักแนะนำในโอซาก้า ญี่ปุ่น




ขอบคุณภาพประกอบจาก
travelneu.com ,kyototanuki.blogspot.com ,travel.thaiza.com ,japan-guide.com
wondersupertrips.com ,albany.edu ,en.wikipedia.org ,silentcreek ,obayashi.co.jp
architravel.com ,alafista.com ,feel100percent.blogspot.com ,muza-chan.net
citywalker.net.au ,expedia.co.th ,japantowers.jp ,tokyoluv.com
charmingasiatours.com ,commons.wikimedia.org ,remotewhiteboard.com
travel.thaiza.com ,mapsofworld.com

สถานที่ท่องเที่ยวในนาโกย่า

นาโกย่า เมืองที่อยู่ระหว่างเกียวโตและโตเกียว เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมักมองข้ามได้คิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่ใครจะรู้ภายในเมืองนี้มีอะไรมากกว่าที่ยินกันมา และมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่พอสมควร หากอยากรู้จะมีอะไรน่าสนใจลองอ่านกันที่หน้านี้กันได้ก่อนเลย



นาโกย่า


นาโกย่า (Nagoya) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดไอจิ (Aichi Ken) ภาคกลางของญี่ปุ่น ในอดีตเมืองนาโกย่าเป็นหัวเมืองสำคัญบนเส้นทางโทไคโด (Tokaido) มาตั้งแต่สมัยเอโดะ เพราะตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเกียวโตและโตเกียวพอดี ปัจจุบันเมืองนาโกย่ากลายเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านการขนส่ง ด้วยสถานี JR Nagoya เป็นชุมทางสายใหญ่อีกแห่งหนึ่งบนเส้นทางโทไคโด นอกจากนี้นี้นาโกย่ายังเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์ TOYOTA เพราะที่นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น นาโกย่าถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 แต่ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองไม่มีอะไรน่าสนใจมากนักจึงทำให้คนมักมองข้ามไป แต่ภายในนาโกย่าก็ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หากได้ลองแวะไปเที่ยว


แผนที่นาโกย่า





ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)


ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)

ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) หรือนาโกย่าโจ สร้างโดยโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ เมื่อปี พ.ศ.2153 ซึ่งมีกรุงโตเกียวเป็นเมืองหลวงแล้ว เพื่อให้ที่นี่เป็นฐานบัญชาการอีกแห่ง ก่อนถึงตัวปราสาทจะต้องผ่านคูเมืองและกำแพงหินสูงหลายชั้น ฐานปราสาทเป็นหินขนาดใหญ่มาเรียงซ้อนทับกันได้อย่างเป็นระเบียบ ที่บนยอดของปราสาทเป็นปลาโลมาสีทองคู่หนึ่ง หุ่มด้วยทอง 18K หนักถึง 44 กิโลกรัม เชื่อกันว่าเป็นเครื่องคุ้มครองปราสาทและชาวเมือง โดยชาวญี่ปุ่นเรียกปลาคู่นี้ว่า "คินซาชิ" (Kinshachi) หรือ "ซาชิโฮโกะ" (Shachihoko) ซึ่งหมายถึงปลาโลมาสีทองคู่


ปลาโลมาสีทอง


ภายในปราสาทจัดแสดงเครื่องใช้และอาวุธสมัยโบราณ แบบจำลองการกรีฑาทัพในสมัยเอโดะ ที่ชั้น 3 มีปลาโลมาทองหลากหลายแบบให้ได้ดู รวมทั้งของเก่าที่ถูกระเบิดทำลายจะเสียหาย ที่ชั้น 6 เป็นชั้นบนสุด สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้ทั้งเมืองนาโกย่า 





ย่านซาคาเอะ (Sakae)


ย่านซาคาเอะ (Sakae) เป็นย่านการค้าและแหล่งที่พักชั้นดี ย่านซาคาเอะนี้ถือเป็นย่านที่เจริญและทันสมัยที่สุดของเมืองนาโกย่า มีตึกสูงอาคารสำนักงานห้างสรรพสินค้าตั้งเรียงราย สองฝั่งถนนถูกคั่นกลางด้วยสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค (Central Park) และ สวนสาธารณะโอโดริ ฮิซายะ (Hisaya Odori Park) นอกจากนี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอีก

หอคอยทีวีนาโกย่า (Nagoya TV Tower) 

1. หอคอยทีวีนาโกย่า (Nagoya TV Tower) จะอยู่บริเวณสวนสาธารณธเซ็นทรัลปาร์ค ซึ่งใช้เป็นหอกระจายสัญญาณของวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของเมืองนาโกย่าได้ด้วย ความสูงอยู่ที่ 180 เมตร แต่จุดชมวิวอยู่ที่ 100 เมตร

Oasis 21

2. Oasis 21 อยู่เยื้องกับหอคอยทีวีนาโกย่า เป็นอาคารรูปทรงประหลาดที่ดูโดดเด่น ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร สวนสนุกในร่ม ห้างสรรพสินค้า และเป็นต้นทางสถานีรถเมล์และรถบัสหลายสาย





ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine)


ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine)

ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine) เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากศาลเจ้าใหญ่แห่งเมืองอิเสะ (Ise) เพราะเป็นศาลเจ้าที่สร้างถวายแด่พระจักรพรรดิ เป็นสถานที่เก็บรักษา พระแสงดาบคุซานางิ (Kusanagi-no-Mitsurugi) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของสมบัติประจำราชวงค์ดอกเบญจมาศ อีกสองชิ้นไปเป็นคันฉ่อง (Sacred Mirror) เก็บไว้ที่ศาลเจ้าเมืองอิเสะ และรัตนะรูปโค้ง (Curved Jewels) เก็บไว้ที่พระราชวังอิมพีเรียลในกรุงโตเกียว เป็นศาลเจ้าอีกแห่งที่มีคนญี่ปุ่นเลื่อมใสศรัทธา บรรยากาศภายในศาลเจ้ายังร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด





วัดเจ้าแม่กวนอิมโอสึ (Osu Kannon Temple)


วัดเจ้าแม่กวนอิมโอสึ (Osu Kannon Temple)

วัดเจ้าแม่กวนอิมโอสึ (Osu Kannon Temple) ตั้งอยู่กลางเมืองนาโกย่า เป็นวัดที่โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ ย้ายมาจากหมู่บ้านโอสึในจังหวัดกิฟุ เมื่อปี พ.ศ.2155 มีเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ภายในศาลาหลังใหญ่ บริเวณวัดไม่ได้ใหญ่มาก ทุกๆ วันที่ 18 และ 28 ของเดือน จะคึกคักไปด้วยตลอดของเก่าและงานศิลปะ



สถานีเจอาร์นาโกย่า (JR Central Tower)


สถานีเจอาร์นาโกย่า (JR Central Tower)

สถานีเจอาร์นาโกย่า (JR Central Tower) นอกจากจะเป็นชุมทางรถไฟใหญ่ของเมืองแล้ว ที่นี่ยังมีห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ให้ได้เลือกก่อนจะออกเดินทาง รอบบริเวณสถานีก็เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้บริเวณนี้ยังถือเป็นย่านบันเทิงของเมืองมีทั้ง ร้านอาหาร ผับ บาร์ ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย



โปรโมชั่นโรงแรมในนาโกย่า ญี่ปุ่น by Agoda


10 ที่พักแนะนำในนาโกย่า





ขอบคุณภาพประกอบจาก
Map of Japan ,brentmorelabs.com ,th.tripadvisor.com ,commons.wikimedia.org
Study Abroad ,PDH PHOTO ,en.wikipedia.org ,amazngfacts.com