สถานที่ท่องเที่ยวในฮิโรชิม่า

ฮิโรชิม่า ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของญี่ปุ่นและของโลก ด้วยเมืองนี้ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ มาอย่างแสนสาหัส แต่นั่นก็ทำให้ชาวญี่ปุ่มรวมทั้งชาวโลกได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายจากประวัติศาสตร์หน้านี้ ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้ไปที่ฮิโรจิม่า รับรองว่าจะได้รับอะไรที่มากกว่าการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน





ฮิโรชิม่า

ฮิโรชิม่า (Hiroshima) เป็นจังหวัดหนึ่งในญี่ปุ่นถือเป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญของเกาะฮอนชูตอนล่าง ทั้งการคมนาคม การค้า อุตสาหกรรม แต่ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักเมืองนี่นั้นก็คือ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิโรชิม่าได้ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูลงมาที่เมืองแห่งนี้ และสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล


แผนที่ฮิโรชิม่า





สวนซุกเคเอ็น (Shukkeien Garden)


สวนซุกเคเอ็น (Shukkeien Garden)

สวนซุกเคเอ็น (Shukkeien Garden) เป็นสวนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเคียวบาชิ (Kyobashi-gawa) ถูกสร้างเมื่อ พ.ศ.2163 มีการสร้างบึงน้ำซึ่งเลียนแบบมาจากทะเลสาบซีหู ในเมืองหังโจ ประเทศจีน โดยมีสะพานหินอ่อนกลางบึงเป็นจุดเด่น แต่สวนที่เห็นกันในปัจจุบันนั้นได้ถูกบูรณะมาใหม่ เนื่องจากเมื่อครั้งเมืองฮิโรชิมาถูกทิ้งระเบิดปรมาณู สวนแห่งนี้ได้รับความหายไปด้วย การบูรณะใหม่นั้นจึงทำให้สวนนั้นดูสวยงามเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น





ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle)


ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle)

ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle) เป็นปราสาทที่มีประวัติมายาวนาน เปลี่ยนผู้ครอบครองอยู่บ่อยๆ ตัวปราสาทสร้างอยู่บนฐานรองที่ตอกด้วยเสาเข็มอย่างแข็งแรง ล้อมรอบด้วยคูน้ำที่ยกระดับให้สูงกว่าพื้นที่รอบนอก เพื่อให้สามารถปล่อยน้ำท่วมกองทัพข้าศึกที่บุกรุกเข้ามายังพื้นที่ราบได้ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้ใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นฐานบัญชาการใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่น นี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อเมริกาเลือกที่จะทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกลงที่ฮิโรชิม่า และปราสาทแห่งนี้ก็ถูกอนุภาพของระเบิดปรมาณูทำลายลง ที่นักท่องเที่ยวเห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2501 ภายในจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิว ชาวญี่ปุ่นเรียกปราสาทแห่งนี้ว่า ปราสาทริโจ (Rijo) หรือปราสาทปลาคาร์ป (Carp Castle)





อะตอมมิคบอมบ์โดม (Atomic Bomb Dome)


อะตอมมิคบอมบ์โดม (Atomic Bomb Dome)

อะตอมมิคบอมบ์โดม (Atomic Bomb Dome) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโมโตยะสึ (Motoyasu-gawa) เดิมทีอาคารหลังนี้เป็นหอส่งเสริมอุตสาหกรรมฮิโรชิม่า เป็นอาคารที่ก่อสร้างด้วยความแข็งแรงและทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงห่างจากอาคารหลังนี้เพียง 160 เมตรเท่านั้น ทุกสิ่งพังราบเป็นหน้ากลอง แต่อาคารหลังนี้ยังคงเหลือร่องรอยแห่งความเสียหายนี้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงอนุภาพการทำลายล้างของระเบิดปรมาณู จึงทำให้อาคารหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความน่ากลัวของระเบิดปรมาณูลูกนั้น

Memorial Tower to the Mobilized Students

เมื่อเดินเลาะอะตอมมิคบอมบ์โดมมาเรื่อยๆ ก่อนขึ้นสะพานจะพบกับ Memorial Tower to the Mobilized Students เป็นอนุสาวรีย์รำลึกถึงนักเรียนนักศึกษาประมาณ 6,300 คน ที่ถูกระดมกำลังมาให้ทำงานในโรงงานผลิตอาวุธในวันที่ระเบิดลง และเสียชีวิตทั้งหมด อนุสาวรีย์มี 5 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีนกพิราบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพเกาะอยู่





สวนอนุสาวรีย์สันติภาพ (Peace Memorial Park)


สวนอนุสาวรีย์สันติภาพ (Peace Memorial Park)

สวนอนุสาวรีย์สันติภาพ (Peace Memorial Park) อยู่ตรงข้ามอะตอมมิคบอมบ์โดม ระหว่างแม่น้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกันคือแม่น้ำโมโตยะสึ และแม่น้ำโอตะ (Ota-gawa) บริเวณรอบๆ สวนเห็นนี้มีจุดหน้าสนใจอยู่หลายจุดได้แก่

ระฆังสันติภาพ (Bell of Peace)

1. ระฆังสันติภาพ (Bell of Peace) บนระฆังมีรูปจารึกของแผนที่โลกอยู่ บุคคลทั่วไปสามารถไปตีระฆังได้

อนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ

2. อนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้เด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิ หนึ่งในเหยื่อระเบิดปรมาณูครั้งนั้น ที่พยายามพับนกกระเรียนให้ครบพันตัว เพื่อที่เธอจะได้หายจากโรคมะเร็งเม็ดเลือกขาว ซึ่งเป็นผลมาจากการรับสารกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณู สุดท้ายเธอก็เสียชีวิตลง ชาวญี่ปุ่นและนักเรียนทั่วประเทศที่รู้เรื่องของเธอรู้สึกเศร้าเสียใจจึงได้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อเด็กหญิงซาดาโกะ ทุกวันนี้จึงมักจะเห็นกลุ่มเด็กนักเรียนนำพวงมาลัยนกกระดาษมาไว้รอบอนุสาวรีย์ของเธอ ที่ด้านล่างมีคำจารึกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "นี้คือคือน้ำตาของพวกเรา นี่คือคำอ้อนวอนของพวกเรา สำหรับการสร้างสันติภาพขึ้นบนโลก" 

อนุสาวรีย์เหยื่อระเบิดปรมาณู (Cenotaph for the A-Bomb Victims)

3. อนุสาวรีย์เหยื่อระเบิดปรมาณู (Cenotaph for the A-Bomb Victims) เป็นรูปตัวยู (U) กลับหัว สร้าวขึ้นไว้กลางสวนอนุสาวรีย์สันติภาพ เป็นสถานที่บรรจุรายชื่อเหยื่อที่เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิด ที่กล่องหินข้างล่างมีข้อความจารึกไว้ว่า "ขอจงหลับอย่างสงบ ความผิดพลาดนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก" 

พิพิธภัณฑ์อนุสาวรีย์สันติภาพ (Hiroshima Peace Memorial Museum)

4. พิพิธภัณฑ์อนุสาวรีย์สันติภาพ (Hiroshima Peace Memorial Museum) อาคารยาวๆ ท้ายสุดของสวนอนุสาวรีย์สันติภาพ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2498 ภายในจัดแสดงภาพระเบิด ความเจ็บบปวด ความทุกข์ทรมานของผู้คน ร่องรอยความสูญเสีย และสิ่งของเครื่องใช้ที่ยังคงหลงเหลือให้ได้ดูกัน





ศาลเจ้าลอยน้ำ อิตสึคุชิม่า (Itsukushima Shrine)


ซุ้มประตูโอ-โทริอิ (O-Torii) 

ศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า (Itsukushima Shrine) ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิม่า (Miyajima) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะศักดิ์ เพราะนอกจากศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า แล้วยังมีศาลเจ้าและวัดตั้งอยู่อีกหลายแห่งด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะรู้จักศาลเจ้าอิตสึคุชิมะมากกว่า ในนานของศาลเจ้ามิยาจิม่า ซึ่งเชื่อกันว่าเกาะนี้เป็นเกาะของเทพเจ้า จึงสร้างศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า เพื่อบูชาเทวีแห่งท้องทะเล ในปี พ.ศ.1136

ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ

จากนั้นผู้ครองเกาะคือ ไทระ โนะ คิโยโมริ ได้สั่งให้สร้างศาลเจ้าใหม่ใน พ.ศ.1711 โดยให้อาคารยืนออกไปในทะเล บนเสาตอม่อ ช่วงที่น้ำขึ้นจึงทำให้มองดูคล้ายศาลเจ้าลอยอยู่บนผิวน้ำ คนทั่วไปเลยเรียกศาลเจ้าแห่งนี้ว่า ศาลเจ้าลอยน้ำ ต่อมาก็ได้สร้างประตูโทริอิ ที่กลางทะเลเพื่อแสดงถึงเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า เรียกว่า โอ-โทริอิ (O-Torii) ด้วยความสวยงามของศาลเจ้าและบรรยากาศบนเกาะที่มียอดเขามิเซ็น (Mount Mizen) เป็เขาที่สูงที่สุดของเกาะ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก บนเกาะมิยาจิม่ายังมีที่น่าสนใจอีก อาทิ

1. เจดีย์ 5 ชั้น ศาลเจ้าโฮโกกุ (Hokoku Shrine) เป็นศาลเจ้าอีกแห่งที่อยู่ใกล้กับศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า สูงถึง 28 เมตรสร้างในปี พ.ศ.1950 เป็นสถาปัตยกรรมผสมระหว่างจีนกับญี่ปุ่น

2. เจดีย์ตาโฮโตะ (Tahoto Pagoda) อยู่ทางด้านขวาของศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า ตั้งอยู่บนเขา เป็นเจดีย์ญี่ปุ่นซึ่งใช้ศิลปะผสมผสานระหว่างอินเดียและจีน

3. วัดไดโชอิน (Daishoin Temple) อยู่ถัดขึ้นไปบนภูเขา เป็นวัดสำคัญของพุทธศาสนานิกายชินง่อน

4. สวนโมมิจิดานิ (Momijidain Park) เดินตามถนนด้านหลังศาลเจ้ามิยาจิม่าขึ้นเนินไปไม่นานก็จะเข้าสู่บริเวณของสวน สวนแห่งนี้จะดูสวยงามทุกฤดูกาล

5. มาชิยะ (Machiya street) ถนนสายช้อปปิ้งที่ทอดยาวไปจนถึงท่าเรือมิยาจิม่า ร้านค้าสองข้างทางเต็มไปด้วยของฝากของที่ระลึก และร้านอาหาร





คินไตเคียว (Kintai Bridge)


คินไตเคียว (Kintai Bridge)

สะพานคินไตเคียว (Kintai Bridge) ต้องออกมาฮิโรชิม่ามาแล้วเข้าไปที่จังหวัดยามากุจิ ไปยังเมืองอิวาคุนิ สะพานโค้งที่สวยงามติด 1 ใน 3 ของสะพานในญี่ปุ่น สมัยก่อนตัวสะพานไม่ได้ใช้ตะปูยึดติดไว้เลยสักตัว เมื่อเจอเข้ากับพายุใต้ฝุ่น ทำให้ต้องทำการซ่อมอยู่เป็นประจำ แต่ในปัจจุบันได้ทำการบูรณะสะพานใหม่จึงใช้แผ่นเหล็กและแท่งเหล็กยึดติดเอาไว้เป็นระยะๆ ตัวสะพานนั้นมีความยาวถึง 193 เมตร กว้างถึง 5 เมตร สะพานคิไตเคียวนี้ถูกสร้างเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) เพื่อไปยังปราสาทอิวาคุนิ (Iwakuni Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอีกฝากของแม่น้ำ





ขอบคุณภาพประกอบจาก
Map of Japan ,commons.wikimedia.org ,japan-guide.com ,deeryarch.me ,Rune
thejapantraveldigest.com ,jontracymacdonald.blogspot.com ,ikamiso.exteen.com
wondersupertrips.com ,en.wikipedia.org ,Hiroaki Kaneko (Cyber)